ดูถูก "คนสักยันต์" !!!

น้องก็หญิง***ชอบก็สักรักและศรัทธาแบไทยๆทำให้เรามีสิ่งยึดมั่นอยู่ในศิลของดี
ก็จะอญู๋ครูก็จะคุ้มครองศิษย์

ที่คุณnotejazzpianist กล่าวน่าจะเป็นอาจารย์ดร.ไมตรี บุญสูง ใช่คับท่านสักเต็มทั้งตัวเลยก็ว่าได้แถมท่านมีวิชาสายเขาอ้ออยู่ ทั้งที่ท่านเป็นเด็กจบนอก ฐานะเศรษฐี มีธุรกิจใหญ่โตท่านยังมีความยึดมั่นถือมั่นเลย นับอะไรกับคนอย่างเราที่จะนับถือ

ถ้าสักแล้า เป็นคนดีของสังคมเชื่อเถอะพุทธาคมจะเกิดกับเราสักวัน ซึ่งผมเชื่อเพราะได้เกิดกับผมมาแล้ว

นี่ก็หนึ่งหญิงสักน้ำมันต่างหาก
ตัวเราชอบ..เจ็บก็เรา
สะใจพอสักเสร็จเห็นลาย***หายเจ็บ***สุดยอด..งามมาก

ช่างเขาครับ ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอกครับ ^ ^ ถึง อ.จะเก่งแค่ไหนแต่ไร้ศรัทธาก็เท่านั้นแหละครับ

ตอนนี้ผมก็สักน้ำมันครับ สักมาได้ประมาณ 6 ปี แล้ว
อยากเหลือเกินที่จะพัฒนาต่อในการสักสี
แต่ก็ติดที่เหตุผลหลายๆประการ
ก็เคยมีเหมือนกันน่ะครับ ประเภทที่พอรู้ว่าเราไปสักมา
แล้วก็มาพูดในเชิงที่ว่า "สักมาแน่เหรอว่ะ"
ไอ่เราก็ได้แต่นิ่ง ร่างกายก็ร่างกายเรา มิได้ไปเบียดเบียนผู้ใด ยังมีมารมาผจญให้กวนโทสะซะอีก
แต่ก็รู้สึกผิดหวังกับที่คนส่วนหนึ่งมองเห็นการสักยันต์เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ
แต่ก็น่ะ ความรู้สึกนึกคิดมันห้ามกันมิได้ เกิดมาร้อยพ่อพันแม่ ย่อมคิดเห็นต่างกันเป็นธรรมดา
แต่ก็มีคนส่วนนึงเหมือนที่สักยันต์มาทั้งที่แบบมีครูและไม่มีครูไปกระทำชั่วจนถูกจับ
แล้วถูกสื่อนำภาพมาเสนอให้รู้สึกท้อแท้ใจ

ตอบกลับ 52# BLACK_DOG
ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นในสื่อที่ไปก่ออาชญากรรมมา ส่วนใหญ่จะเป็นลายแทททูลายยากูซ่านะครับ ส่วนสักยันต์สักอักขะระเลขยันต์ จะต้องเป็นคนดีมีศีลธรรมตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอน มิฉะนั้นก็ต้องเป็นอันเสื่อมไปตามกาล...ครับ

โดยส่วนตัวนะครับ ไม่ต้องแคร์สายตาชาวบ้านครับ แต่ควรจะแคร์คนที่บ้าน ต้องห่วงอนาคตด้วยครับ ถ้ายังไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคงก้อควรเป็นสักน้ำมันไปก่อนครับ ของอย่างนี้อยู่ที่ตัวบุคคลครับ ฟังใครไม่ได้หรอก ที่คุณสักเพราะคุณศรัทธาในตัวครูบาอาจารย์ ถ้าคุณมัวแต่ฟังคนอื่นพูด ก้อเท่ากับคุณลังเลในตัวอาจารย์ที่คุณศรัทธา ของที่คุณลงมาก้อจะไม่เห็นผลหรอกครับ
ของผมเป็นคนที่แคร์ที่บ้านครับ รู้ว่าแม่ไม่ชอบเรื่องพวกนี้ ก้อไม่ขัดใจครับ แต่ใจชอบเรื่องพวกนี้ เลยเข้าไปหาอาจารย์และคุยกับท่าน อาจารย์ท่านก้อเลยลงน้ำมัน(ไม่ใช่สักน้ำมันนะครับ เป็นการเขียนน้ำมัน)หั้ยครับ ^^

มันขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัยครับ ไม่ว่าครอบครัว สังคมรอบข้างและสังคมวงกว้างด้วยครับ อย่างตัวผมนี่สักมาตั้งแต่อายุ 21 ตอนเป็นทหารแล้วครับ จากนั้นก้สักเพิ่มเรื่อยมา ตอนนี้ก็ 44 แล้ว ผมมีกิจการเป็นของตัวเองสังคมอยู่ระดับ ไฮโซ ผมเป็นที่ปรึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนหลายที่ด้วยกัน ทั้งแวดวงการเมืองท้องถิ่นก็เป็นทีมงานท้องถิ่นอยู่ เพื่อนผมมีทั้ง ทหารและตำรวจ ตลอดจนพ่อค้านักธุรกิจ ผมไปท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่เคยอายเลยที่จะเผยตัวว่าเป็นคนที่มีรอยสักยันต์เต็มตัว เพื่อนๆผมมาสังสรรค์กันที่บ้านผมก็ใส่เสื้อกล้ามตัวเดียว ผมไปว่ายน้ำที่สระตามฟิสเนสต่างๆผมก็มีกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว ผมไปเที่ยวต่างประเทศไม่ว่า ญี่ปุ่น เกาหลี ผมไปอาบน้ำแร่ในบ่อธรรมชาติ คนเป็นร้อย ที่นั่นเขามีกฎว่าไม่ให้ใส่อะไรสักชิ้น ผมก็ไปแช่กะเขา ที่ญี่ปุ่นเขาเรียกแช่น้ำแร่แบบนี้ว่า ออนเซ็น  ผมไปออสเตเรีย ผมก็ไปเล่นน้ำที่ชายหาด ผมก็ใส่กางเกงตัวเดียว แล้วเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม ชาวต่างประเทศ มาขอถ่ายรูปด้วยเยอะแยะ โดยเฉพาะฝรั่งนี่ชอบมาก เขาว่าเป็นอะไรที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรม เป็นอะไรที่คลาสสิคมาก ส่วนทางญี่ปุ่นนี่ชอบมากแบบขอเบอร์ไว้เลย ถ้าได้มาเที่ยวเมืองไทยจะมาสักมั่ง เพราะฉะนั้นผมภูมิใจมากที่ เป็นอีกคนหนึ่งที่ มีรอยยันต์อยู่บนร่างกายครับ

เยี่ยมค่ะ

ตอบกลับ 7# Gern.Naraphat


    ผมอบมากครับพี่เป็นสิ่งที่ดี มากเลยครับ ที่พี่ นำมาโพสต์ นะครับชอบครับจะได้เตือนสติผู้พบเห็นกันบ้าง

อย่าไปสนใจ

สักแร้ว ไม่ได้ทำให้ใครตาย นิ จริงป่ะ

เจ๋งเลย    . .. .   แต่ละคน

น่ากลัวจังครับ

น่ากลัวจริิงๆๆๆ