แก้ไขล่าสุด wongrad เมื่อ 23-8-2011 17:15
เพิ่มเติมประวัติของหลวงพี๋ญาวัดนางเหลียว ประวัติ “หลวงพี่ญา” โดยสังเขป หลวงพี่ญาเป็นคนจังหวัดลำปางโดยกำเนิดหลวงพี่ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาในชีวิตของท่าน ให้ผู้เขียนฟังว่า ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถม 2 เป็นเด็กวัดอยู่ที่ วัดต้นธงชัย ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง และได้ไปแอบอ่านตำรายันต์ต่างๆของวัดซึ่งเป็นภาษาล้านนาโบราณแต่ก็พออ่านได้บ้างว่าในนั้นมียันต์อะไรบ้าง เช่น ปืนแตก แคล้วคลาด ม.นิยม ม.เสน่ห์ อื่นๆและท่านได้จดไว้ด้วยความสนใจทั้งๆที่เป็นเด็กอยู่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างในตำราเขียนอย่างไรท่านก็เขียนอย่างนั้นเพราะยังไม่รู้จักภาษาล้านนาโบราดีแต่มารู้ทีหลังตอนเป็นภิกษุที่ได้ศึกษาอะไรต่อมิอะไรจนกระจ่าง ว่าที่จดมาสมัยตอนเป็นเด็กวัดนั้นผิดทั้งหมด ท่านจึงได้ตัดสินใจเผาตำราที่จดมาตอนเป็นเด็กวัดทิ้ง ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรในปี พ.ศ.2532 บรรพชาได้ 4 พรรษา จึงลาสิกขาไปเกณฑ์ทหารหรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าจับ ใบดำ ใบแดง แต่โชคดีที่ท่านได้ ใบดำ จึงมีโอกาสไปศึกษาอักขระขอมโบราณที่ จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดอยุธยา จังหวัดกรุงเทพ เป็น 3 จุดแรกในการศึกษาอักขระขอม โบราณและวิชาอาคมต่างๆของท่าน และท่านได้กลับมาอุปสมบทเป็นภิกษุในปี พ.ศ.2527 ท่านก็เริ่มสักตั้งแต่ปีที่ท่านอุปสมบทเป็นต้นมา ในปีพ.ศ.2532ได้มีโอกาสไปศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติมที่ วัดบางพระ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายในการศึกษาวิชาอาคมของท่าน ตำนานการสักยันต์ การสักยันต์ มีมานานยากที่จะกำหนดระยะเวลาได้ ซึ่งหน้าจะมีมาก่อนสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วย
ซ้ำ หลวงพี่ญา ท่านได้ให้คำจำกัดความ ของตำนานการสักยันต์ฉบับของท่านว่า ยันต์นั้นมีมาก่อนวัตถุมงคลใดๆประมาณการเวลาไม่ได้การสักก็มีมานานเช่นกันแต่ไม่ใช่เป็นการสักยันต์แต่เป็นการสักแบบอื่นๆ เช่นสักชื่อคนรัก , สักแผนที่ลายแทงขุมทรัพย์ , สักแบบนักโทษ , สักยา และอื่นๆเป็นต้น ต่อมาก็เป็นการสักอักขระเลขยันต์ และ วิวัฒนาการมาจนถึงปัจจุบันเป็นการสักเพื่อความสวยงาม การสักภาพเหมือนสามมิติ (TATTO) สักยันต์
ส่วนสักยันต์นั้น หลวงพี่ญา ท่านได้ให้ความหมายไว้ว่า สัก คือ คำกิริยา ที่ใช้เหล็กแหลมๆแทงยันต์ คือโยหรือได มาจากภาษาบาลี น.หนู คือ มานะแปลว่าใจ ต์. คือสูตรมนต์ต่างๆ เมื่อนำ 3 ตัวนี้มารวมกัน คือ ผู้ใดประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้า ย่อมสามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพานได้ *การสักยันต์ของหลวงพี่ญา* 1.การสักด้วยหมึก 2.การสักด้วยน้ำมันว่าน การสักด้วยหมึก หลวงพี่ญาท่านจะผนหมึกแท่งผสมกับว่านต่างๆมากว่า 100 ชนิดส่วนใหญ่เป็นว่านที่หายากทั้งนั้นและน้ำหมึกของท่านยังมีส่วนผสมของราตุต่างๆหรือดีสัตว์ต่างๆที่มีความคงกระพันและเมตตารวมกันนอกจากนี้แล้วยังมีหมึกสีแดงอีกสีหนึ่งที่ท่านสักให้กับลูกศิษย์ หมึกเหล่านี้ท่านจะนำมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะนำไปสักให้กับลูกศิษย์ครับ การสักด้วยน้ำมันว่าน หลวงพี่ญาท่านจะนำน้ำมันงาผสมกับผงว่าน108ชนิดใส่ขวดโหลไว้และนำไปปลุกเสกอีกครั้งหนึ่งและค่อยแบ่งออกมาสักให้ลูกศิษย์การสักนำมันงานี้เมื่อสักไปแล้วจะมองไม่เห็นเหมือนการสักหมึกแต่จะสามารถมองเห็นได้ภายในสัปดาห์แรกๆเท่านั้น คนที่จะสัก สำหรับคนที่จะสักกับหลวงพี่ญาได้นั้นต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปหลวงพี่ญาท่านถึงจะสักให้เพราะถือว่าไม่ผิดกฎหมายเป็นสิทธิส่วนตัวโดยชอบธรรมและคนที่จะสักกับท่านก็ไม่มีสิทที่จะเลือกลายหรือยันต์ต่างๆต้องแล้วแต่ท่านจะเมตตาเท่านั้น ยันต์ครู สำหรับผู้ที่เดินทางไปสักยันต์และฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพี่ญา ครั้งแรกนั้นจะต้องสักยันต์ครูเสียก่อน ยันต์ครูในที่นี้ลงด้วย คาถาต่างๆมากมายเช่น คาถาหัวใจพระพุทธเจ้า5พระองค์ หัวใจพระอรหันต์ หัวใจพระรอด หัวใจพระกรณี หัวใจราชสีห์ หัวใจธาตุทั้งสี่ นะดวงตาพระพรมและบัวเล็บช้าง ผู้เขียนขอนำเสนอความหมายคาถาต่างที่อยู่ในยันต์ครูที่หลวงพี่ญา ได้ให้ความหมายไว้ ดังนี้ พระเจ้า5พระองค์ มี นะ คือ พระนามของพระพุทธเจ้าองค์แรก นามว่า กกุสันโท โม คือ พระนามของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 นามว่า โกนาคมณะ พุท คือ พระนามของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 นามว่า กัสสะปะ ธา คือ พระนามของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 นามว่า สมณะโคดม ยะ คือ พระนามของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 นามว่า ศรีอริยเมตเตย หัวใจพระอรหันต์ คือ ? หัวใจพระรอด คือ ? หัวใจพระกรณี มี จะ คือ จชทุชชนสังสัคคัง จงละเว้นความชั่วเสีย ภะ คือ ภชสาธุสมาคตัง หมันคบหาสมาคมด้วยบัณฑิต(บัณฑิตที่มีคุณธรรม) กะ คือ ให้สร้างบุญทั้งกลางวันและกลางคืน สะ คือ สะนิจจมนิจจตัง หลักของไตรลักษณ์ มี อนิจัง ทุกขัง อนัตตา ให้ระลึกถึงความไม่เที่ยงแห่งสังขารเป็นนิจ หัวใจราชสีห์ มี สี หะ นา ทัง หัวใจธาตุทั้งสี่ มี นะ หมายถึง ธาตุน้ำ มะ หมายถึง ธาตุดิน พะ หมายถึง ธาตุไฟ ทะ หมายถึง ธาตุลม นะดวงตาพระพรม หมายถึงพระพรมคือผู้สร้างโลก บัวเล็บช้าง หมายถึงดอกบัวนั้นแหละแต่เป็นปริศนาธรรมเพื่อจะให้เรารู้ว่าตอนนี้เราอยู่ส่วนไหนของดอกบัว |