เดิมชื่อกำธร กาวี เกิดเมื่อ ๔
กย. พศ.๒๕๑๔ เป็นบุตร นางบัวแก้วและพ่อหนานรัตน์ กาวี ชาวบ้านหนองแขม
ผู้เป็นศิษย์ของครูบาแก้ววัดปากร้อง เกจิดัง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
พ่อเสียชีวิตลงตั้งแต่ท่านอายุ๓ ขวบ ดช.ธร
ในสมัยนั้นเกิดมาในตะกูลหมอเมืองรักษาคนมาตลอด
เนื่องจากปู่เป็นหมอไสยศาสตร์และยาโบราณโดยเรียนมาจากเจ้าน้อยแสนคำ
พระเวทย์ต่างๆได้ของตะกูลได้สืบทอดมาถึงดช.ธร
อย่างไม่รู้ตัวเนื่องจากในขณะที่ยังเล็กนั้นพ่อแม่ต้องออกไปทำการเกษตรทิ้งท่านไว้ให้ปู่เป็นคนเลี้ยง
จนกลายเป็นหลานรักของปู่ขนาดพ่อแม่ว่ายังไม่ได้เพราะปู่จะห้าม
การที่ท่านได้อยู่กับปู่นั้นทำให้ท่านได้เห็นปู่ใช้ไสยศาสตร์คาถาอาคมสงเคราะห์คนตลอดตั้งแต่จำความได้
พิธีการต่างๆคาถาทุกๆบทถูกซึมซับเข้าสู่ความจำของเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว
การเรียนสมาธิจิตก้าวหน้าเกินผู้ใหญ่ไปไกลเพราะเด็กเล็กมีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์และสมองอยู่ในระยะจดจำเรียนรู้
ทำให้เมื่อท่านอายุ๕ ขวบปู่จึงให้เริ่มปัดเป่ารักษาคนซึ่งก็ได้ผลดี
ส่งผลให้ดช.กำธรกลายเป็นเด็กเหนือธรรมดาและเป็นอีกที่พึ่งหนึ่งของชาวบ้าน
แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เด็กชายกำธร
มีวิถีการดำเนินชีวิตที่ผิดแปลกไปคือไม่ชอบเรียนหนังสือเหมือนเด็กอื่นๆ
จนกระทั่งปู่เสียชีวิตลงดช.ธรจึงได้บวชลูกแก้วเป็นสามเณรเมื่ออายุ๑๒ปี ณ.อุโบสถ
วัดหนองแขมมีพระครูวิบูลย์วิหารกาวัดเวฬุวนาราม สันป่าตอง เป็นอุปัชฌาย์
โดยบวชแล้วไปอยู่กับครูบาบุญทาปัญญาวุฒิโท
ตุ๊ลุง(ญาติข้างแม่)ผู้เชี่ยวชาญโหราศาสตร์วัดหลักพัน อ.สันทราย
ช่วงที่อยู่กับตุ๊ลุงนั้นท่านพาเณรธรไปฝากเรียนหนังสือตามโรงเรียนโดยเรียนรวมกับเด็กปกติทั่วไป
เณรธรมิอาจขัดได้ทั้งๆที่ใจไม่ชอบท่านเลยไปตามใจตุ๊ลุงแต่ไปโรงเรียนละวัน
เปลี่ยนไปหลายโรงเรียนจนตุ๊ลุงเริ่มท้อ
ในที่สุดตุ๊ลุงและญาติๆเริ่มคิดว่าท่านเป็นเณรไม่เหมือนเด็กอื่นจึงอายที่จะเรียนร่วมกัน
จึงให้ท่านสึกออกมาเมื่ออายุ๑๕ ปี
แต่ความจริงญาติๆไม่รู้ว่าที่เณรธรไม่อยากเรียนหนังสือนั้นเพราะท่านชอบที่จะเรียนพระเวทย์มากกว่า
มีเวลาครั้งใดท่านต้องเที่ยวไปเสาะหาหนานแก่ๆต่อคาถาอาคม
ระหว่างที่สึกจากเณรมานั้น
ท่านก็ยังไม่ไปเรียนหนังสือต่ออยู่ดี
เพราะวันๆหนึ่งได้แต่ศึกษาวิชาอาคมกับรักษาสงเคราะห์ชาวบ้านที่มาพึ่งเด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้เรืองอาคมอย่างท่าน
จนขนาดสวยดอก(กรวยดอกไม้ธูปเทียนที่ผู้มาหานำมาบูชาครู)เสียบเต็มชายหลังคาบ้าน
กระทั่งอายุ๑๘ ย่าง ๑๙ ปี
วัดหนองแขมล้างพระจำวัด เหลือเณรเพียงรูปเดียวกำลังจะสึกอีกต่างหาก
ชาวบ้านและพ่อหลวง(ผู้ใหญ่บ้าน)จึงรวมตัวกันมาขอร้องให้ท่านบรรพชาไปรักษาวัด
ทำให้ท่านไม่อาจปฏิเสธได้จึงทำการบวชเณรอีกครั้งและบวชพระในเวลาต่อมาเมืออายุครบ
๒๐ เป็นพระอยู่ ๑ ปีได้สึกไปเป็นทหารรับใช้ชาติ
จนปลดจากทหารพระครูอาทรตันติธรรมเจ้าคณะตำบลและชาวบ้านจึงไปรับกลับมาบวชในปี
พศ.๒๕๓๗กระทั่งปัจจุบัน
|