รักหลงจนต้องลง 'สัก'

หลายร้อยปีมนุษย์ใช้ "รอยสัก" เพื่ออธิบายเหตุผลมากมาย ประวัติศาสตร์รอยสักจึงดำเนินผ่านความเชื่อเช่นว่ามีไว้ทั้งเพื่อป้องกันตัว ป้องกันภัย บรรเทาความเจ็บปวด หรือถูกใช้เป็นสัญลักษณ์จดจำเพื่อการล้างแค้น การแสดงความกล้าหาญ หรือประกาศชัยชนะเหนือศัตรู ไปจนถึงความเชื่อทางศาสนา


          ในสนามสู้รบรอยสักยังแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รอยสักถูกใช้ในความหมายทั้งเชิงประกาศความเป็นกลุ่ม และการแสดงออกส่วนตัว ขณะที่บางกลุ่มเชื่อว่ารอยสักถูกสร้างขึ้นเพื่อประดับร่างกาย  ความนิยมมีรอยสักสะท้อนผ่านสถิติตัวเลขที่น่าสนใจร้อยละ 60 ของชาวอเมริกัน ตั้งแต่ 18-30 ปี จะมีรอยสักอย่างน้อยหนึ่งแห่งในร่างกาย ขณะที่สังคมไทยนอกจากการสักสีสวยงามเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นแล้วแต่ที่กำลังเป็นเทรนด์ที่น่าจับตา คือ การสักยันต์เชิงพุทธพาณิชย์ ที่เชื่อว่าเป็นสิริมงคลคุ้มครองชีวิต กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มชนชั้นกลาง และมนุษย์เงินเดือน

           เรื่องสักยันต์ บ้างลงหมึกแต่รู้สึกไม่ปลาบปลื้มอาจารย์ที่สักให้ภายหลัง ก็ลบรอยสักยันต์กันตะบี้ตะบันเช่นกัน เหล่านี้มีให้เห็นมากมาย แวดวงคนสักยันต์เขารู้กันเอง ดังนั้น การเลือกสำนัก หรือวัดที่จะไปสักยันต์ เฟ้นหาให้ดี เลือกสายให้ชัวร์ วิธีการคือดูการวางตัวของอาจารย์ อย่าไปเน้นเรื่องโฆษณา อาจารย์มีเดียส์ เพราะของแท้บางคนไม่ยอมให้โฆษณาด้วยซ้ำ ไม่ชอบให้ป่าวประกาศ อาจารย์บางคนเป็นประเภทยิ้มใจดีต้อนรับ บางคนดุมากด่าเปิง คุณลักษณะเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ดี สะท้อนครูบาอาจารย์รุ่นเก่า จะเอาของดีขอให้ตั้งใจ ใครอยากได้ก็ต้องอดทนจะได้ของดี วิชาดีกลับไป เพื่อความชัวร์และไม่ต้องเสียใจภายหลังเช็คกันให้ดี..

          ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมรอยสักปฏิเสธไม่ได้ว่าถูกจุดกระแสผ่านบุคคลในแวดวงสังคม (เซเลบริตี้) ในต่างประเทศ ทั้งนักแสดง นักร้อง นักกีฬา รอยสักของเซเลบเหล่านี้ถูกแพร่ภาพผ่านสื่อ การออกงานสังคม หรือภาพแอบถ่ายโดยปาปาราซซี่

          ทว่า การสักของคนดังมักถูกให้คำแนะนำด้วยกฎง่าย ๆ หนึ่งข้อคือ ไม่ควรสักชื่อใครก็ตามลงบนร่างกายไม่ว่าจะรักมากมายเพราะวันข้างหน้าอาจลงเอยต้องเจ็บตัวใช้เลเซอร์ลบรอยสัก ทั้งยังใช้เวลาในการเลือนรอยแผลเป็น หรือบางคนก็เลือกใช้วิธีปรับแต่งรอยเดิมเพื่อกลบเกลื่อนรอยสักชื่อคนรักเก่า และผู้ถูกยกเป็นกรณีศึกษารอยสักที่ "ผิดพลาด" ตลอดกาลคือ "จอห์นนี่ เดปป์" นักแสดงสุดเซอร์ เดปป์ เคยสักชื่อแฟนสาว "วิโนน่า ไรเดอร์" ในยุค 90 ปีก่อนเลิกลากันไป โดยสักคำว่า Winona Forever บนต้นแขน แต่เมื่อความรักไม่ได้นิรันดร์กาลตามรอยสัก สุดท้ายรอยสักจึงเหลือเพียง Wino Forever เป็นความพลาดอันติดตรึงกายไปตลอดจนวันนี้
         
           ฟาก "แองเจลีนา โจลี่" ที่ขึ้นชื่อเป็นเจ้าแม่สักทั่วร่างคนหนึ่ง โจลี่ไม่ต่างจากเดปป์ ยุคเธออินเลิฟกับอดีตสามี "บิลลี่ บ๊อบ ธอร์นตัน" เธอสักชื่ออดีตสามีไว้บนต้นแขนพร้อมด้วยรูปมังกรล้อมรอบความรัก ก่อนจะต้องไปลบทั้งหมด แล้วสักตัวหนังสือสถานที่เกิดของลูก ๆ ทั้ง 6 คนของเธอลงไปแทน
          "ปารีส ฮิลตัน" เคยออกเดตกับ "นิค คาร์เตอร์" แห่งวงแบ๊คสตรีทบอย เธอสักชื่อนิคลงบนก้น หลังความสัมพันธ์ไม่รอดปารีสต้องเลเซอร์ลบรอยสักออก "พาเมล่า แอนเดอร์สัน" สักชื่อ "ทอมมี่ ลี" อดีตสามีนักดนตรีที่นิ้วนางซ้าย และเมื่อหย่ากัน รอยสัก "Tommy" กลายเป็น "Mommy" ในที่สุด
          นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงหญิง "เมลานี กริฟฟิธ" สักชื่อสามี "อันโตนิโอ แบนเดอรัส" ส่วน "ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน" มีรอยสักพอทเทรทหน้าภรรยาบนแขนเช่นกัน
        อดีตนักแสดงชื่อดัง "จีน่า เดวิส" ต้องไปปรับแต่งรอยสักชื่อของอดีตสามีผู้กำกับภาพยนตร์ "เรนนี่ ฮาร์ลิน" ที่เลิกกัน รอยสักเดิม "Renny" มาเป็น "Denny's" ที่เป็นชื่อแฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
          ยังมีคู่ของ "ชาร์ลี ชีน" และ "เดนิส ริชาร์ด" ที่ต่างก็สักชื่อกันและกันไว้บนร่างกายก่อนที่สุดท้ายเมื่อหย่ากันโดยไม่ญาติดี ฝ่ายหญิงลบรอยสักชื่อคนรักเก่าทิ้ง และลงรอยสักตัวละครในเทพนิยายลงไปแทน
          กระนั้นยังมีเซเลบที่ยังไม่เลิกราแต่ก็ถูกแพ่งเล็งว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรเมื่อ "นิค แคนนอน" สามีของนักร้องดีว่า "มารายห์ แครีย์" ที่สักชื่อภรรยา "Mariah" ตัวใหญ่ยักษ์ไว้บนแผ่นหลังเช่นกัน
          แม้จะมีตัวอย่างให้เห็นหลายคู่แต่กระนั้นเหล่าเซเลบหลายคนยังคงมีรอยสักประเภท "พลาด" ได้ตลอดเวลา เข้าทำนอง เจ็บไม่จำ แม้อาจจะคิดว่าทุกข์นั้นมาแล้วก็ไป ไม่จีรัง แต่อย่ราลืมว่าสุขมาแล้วก็ไป ไม่ยั่งยืนเช่นกัน

          การเลือกประทับรอยสักบนร่างกายด้วยชื่อและภาพคนรักจึงยังเป็น "ลายต้องห้าม" อันดับหนึ่งค่ะ เห็นตัวอย่างเหล่าเซเลบเหล่านี้แล้ว

เจ้าเมืองคงต้องไปสักค่ะ.. สักยันต์เพื่อลืมเธอ cho.

แล้วใครจะสักชื่อเราบนอกมั้งเนี๊ย   

จะเอาของดีขอให้ตั้งใจ ใครอยากได้ก็ต้องอดทนจะได้ของดี วิชาดีกลับไป


เห็นด้วยค่ะ

เห็นด้วยเหมือนกันนะครับ

อืม...ครับ

เพื่อนผมครับ ตรงๆเลยสักหมึกเนี่ยแหละครับชือแฟนที่หัวไหล่ สุดท้ายก็เลิก ผมว่าไอ้เพื่อนผมคนนี้คงคิดดีแล้วมั้ง.........ตอนนั้น....(คิดไปได้)

สักที่ตรงไหนก็เจ็บทั้งนั้นแหล่ะครับอยากได้ของดีอยากมีของดีติดตัวทนหน่อยนะครับแล้วจะมีของดีติดตัวจนวันตาย

ไม่ไหวล่ะครับ เจ็บบบบ

อยากได้ก็ต้องยอมแลกครับเจ็บแป็บเดียวยก็หาย

เห็นด้วยครับ

เพื่อนผมครับ ตรงๆเลยสักหมึกเนี่ยแหละครับชือแฟนที่ห ...
ต้นฉบับโพสโดย boat_vios86 เมื่อ 24-4-2010 15:06

                               
สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่

   ผู้ชายที่สักชื่อพี่โชวลงบนตัว...เขาคงไม่ต้องการลืมพี่ไปตลอดชีวิตเลยช่ายป่าวเนี่ย...

ตอบกลับ 11# cho เค้าคงเจ็บแล้วจำครับ....ท่านเจ้าเมือง

ตอบกลับ  cho เค้าคงเจ็บแล้วจำครับ....ท่านเจ้าเมือง
...
ต้นฉบับโพสโดย Apirut เมื่อ 7-6-2010 13:13

                               
สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่

    ถ้าแบบนี้...เราจะทำอย่างไรดี หุหุ...เพราะถ้าเขาจำ เราก็จะไม่ให้เขาลืมนะเปงเล่นไป