|
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง หรือพระราชพรหมญาณ (วีระ) ท่านเกิด 2460 ที่บ้านสาลี บางปลาม้า สุพรรณบุรี อายุ 15 อยู่กับยายที่ตลิ่งชัน อายุ 19 เป็นเภสัชกรทหาร พออายุครบบวชท่านบวชที่ วัดบางนมโค โดยมีพระครูรัตนาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนันโท) และ หลวงพ่อเล็ก เกสโร เป็นคู่สวด ในปี 2480 ท่านเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อปาน และองค์อื่นๆหลายท่าน ส่วนหลวงพ่อท่านเรียนเป่ายันต์เกราะเพชรหรือไม่ ไม่ทราบครับ เพราะปีถัดมา 2481 หลวงปู่ปานท่านก็ละสังขาร
ส่วนที่ท่านเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อฤาษีลิงขาวไหม ต้องอธิบายยาวหน่อย
โดยปกติหลวงปู่ปานมักจะเรียกเด็กๆที่ซนว่าไอ้ลิงและเพิ่มชื่อตามลักษณะเด็กเช่น ไอ้ลิงดำ ไอ้ลิงขาว ไอ้ลิงเล็ก ไอ้ลิงเตี้ย ดังนั้นลิงดำมีมากกว่าหนึ่ง ลิงขาวมีมากกว่าหนึ่ง ส่วนผู้หญิงท่านเรียก อีหมา เป็นต้น ส่วนองค์ที่ร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่ปาน (ซึ่งท่านเป็นสายฤาษีเน้นกสิณ 10) จึงเรียกชื่อมีคำว่าฤาษีลิง...
เพื่อนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงที่บวชพร้อมกับปี 2480 หลวงปู่ท่านก็เรัยกลิงขาว กับลิงเล็ก ครับ แต่ไม่ใช่หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) นะครับเพราะบวชคนละปีกัน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ท่านรู้จักกับ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ อภินันโท) ครับเพราะทั้งสององค์เป็นคนบ้านสาลี บางปลาม้า สุพรรณฯ ด้วยกันทั้งคู่ ตอนเด็กนั้นมารดาของหลวงพ่อช่อ (โยมเล็ก ร่มวงษ์) เลี้ยงทั้งสององค์ คู่กันมา กินนมแม่เล็ก มาด้วยกัน หลวงพ่อช่อนั้นเมื่อเด็กมักจะเล่นกับเด็กชายเวก (ต่อมาคือพระครูพิศาลวุฒิธรรม หรือพระมหาเวก วัดดาวดึงษาราม กรุงเทพฯ) โดยเด็กชายเวกเป็นน้องชายของมหาวีระ หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ)
เมื่อวัยเด็กนั้น เด็กชายช่อ (หลวงพ่อฤาษีลิงขาว) ได้ติดตามมารดาที่ไปวัดบางนมโคเป็นประจำ เพราะโยมแม่เป็นคนส่งข้างส่งน้ำหลวงปู่ปาน และเมื่อวัดมีงานก็จะไปเป็นแม่ครัว เมื่อตามแม่ไปที่วัดมักจะเล่นกับเด็กที่วัดบางนมโค เนื่องจากเด็กชายช่อนั้นมีผิวขาว น่ารัก ฉลาด เป็นที่ถูกใจหลวงปู่ปาน หลวงปู่ท่านจึงบอกโยมมารดาท่าน (โยมเล็ก) เพื่อขอให้เด็กชายช่อมาอยู่ที่วัดบางนมโคเพื่อเรียนหนังสือ หลวงปู่ปานได้มอบเด็กชายช่อให้อยู่ในความดูแลของ หลวงพ่อเล็ก เด็กชายช่อเป็นเด็กฉลาด และใฝ่รู้ จึงได้ร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆ ทั้งกรรมฐาน อักขระวิธี เลข ยันต์ ตำราต่างๆ จากทั้งหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อเล็ก และสิ่งหนึ่งที่ชำนาญคือ แพทย์แผนโบราณยาและสมุนไพรต่างๆ สมุฎฐานของโรค รากฐานของพืชสมุนไพรทุกชนิด เด็กชายช่อสามารถจดจำได้หมด
เมื่ออายุครบเกณฑ์บวช หลวงปู่ปานได้รับเป็นธุระเรื่องบวชให้ทั้งหมด เด็กชายช่อจึงได้อุปสมบทบวชในบวรพุทธศานา เมื่อ กรกฎาคม พ.ศ. 2481 โดยมี
พระครูพิทักษ์ธรรมคุณ วัดช่องลม เป็นอุปัชฌาย์
หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค เป็นคู่สวด ได้รับฉายาว่า อภินันโท
ขณะนั้นหลวงปู่ปานได้มาเป็นประธานการสร้างอุโบสถ วัดสาลี และ ศาลาการเปรียญ วัดช่องลม จ.สุพรรณบุรี จึงให้หลวงพ่อช่อมาบวชที่วัดช่องลม
หลวงปู่ช่อบวชอยู่ที่วัดช่องลม และจำพรรษาอยู่ 3 พรรษาก่อนลาสิกขาออกมาเป็นแพทย์แผนโบราณช่วงหนึ่งก่อนจะอุปสมบทใหม่ และเป็นหลวงปู่ฤาษีลิงขาว (ช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมี จ.สุพรรณบุรี อย่างที่เรารู้จักกัน
หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) นั้นท่านเรียนจากหลวงปู่ปานมาเยอะ เพราะอยู่กับท่่านและเรียนตั้งแต่เด็ก ที่รู้ว่าท่านเป็นศิษย์เอกเอาก็ตอนที่สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปมุมคงคาฯ ซึ่งท่านเป็นพระผู้ใหญ่ ท่านรู้จักหลวงปู่ปานและลูกศิษย์หลวงปุ่ปานหลายองค์และทุกองค์ก็นับถือสมเด็จฯท่านมากนิมนต์เป็นประจำ แต่ท่านบอกให้หลวงพ่อเณรไปเรียนกับหลวงพ่อช่อ และท่านได้นิมนต์หลวงพ่อช่อมาเป่ายันต์ที่วัดทุ่งเศรษฐี ตอนปี 2530 พอหลวงพ่อช่อเป่าเสร็จ สมเด็จท่านเมตตาบอกว่า เหมือนหลวงปู่ปานไม่ผิดเพี้ยน ต่อมาในปี 2534 ที่ครอบครูเกราะเพชรให้หลวงพ่อเณร สมเด็จฯท่านก็นิมนต์ลูกศิษย์หลวงปู่ปานองค์อื่นมาปลุกเสกของด้วยเช่น หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา และหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ทำให้รู้ว่า
หลวงพ่อเชิญ คือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (องค์เอก) ซึ่งองค์เอกหมายถึงรุ่นพี่ที่เรียนก่อนองค์อื่น แต่ท่านไม่ค่อยเรียกตัวเองว่า ฤาษีลิงดำ ส่วนฤาษีลิงเล็ก ก็คือ หลวงปู่นวล วัดโพธิ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ หลวงพ่อมี ท่านก็เรียนจากหลวงปู่ปาน โดยหลวงพ่อทุกองค์ ท่านเมตตาหลวงพ่อเณรมาก ทั้งมาร่วมงาน ปลุกเสกของเสกมวลสารให้บ่อยมาก แต่ก็ไม่สอนวิชาสายหลวงพ่อปานให้ เช่น หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ท่านบอกว่าเรียนกับท่านช่อก็ครอบคลุมหมดแล้ว ก็น่าจะเป็นเพราะเป็นองค์เดียวที่อยู่กับหลวงปู่ปานตั้งแต่เด็กและรักมาก
เรียนเกราะเพชรยากครับโดยเฉพาะการเป่ายันต์ยากมาก ดูจากการที่หลวงพ่อช่อ สอนหลวงพ่อเณรนั้นต้องเรียนทฤษฎีก่อนหลายปีนะครับ สอบทานจนคล่องก่อน จึงครอบครูเกราะเพชรเฉพาะอีกครั้งเพื่อกำหนดการสอบและต้องผ่านในเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ต้องเรียนอีกเลย ไม่ใช่แค่เอาบท อิติปิโส...มาเรียงเป็นยันต์ขีดตาราง สวดยันต์กลับไปกลับมาเพื่อพุทธคุณด้านต่างๆ อันนั้นแค่สวดครับ แต่การเป่ายันต์เกราะเพชรคนละเรื่องกันเลยครับ ต้องเป่าให้เข้าคน ต้องเรียนเป่าผ่านสสารต่าางๆให้เป็นด้วย ผ่านโลหะ น้ำ อากาศ ฯลฯ |
|