|
แก้ไขล่าสุด cho เมื่อ 18-8-2010 07:51
สกู๊ปพิเศษ: มิวเซียมสยาม-ศูนย์คติชนฯ นิมนต์พระผู้รู้สัมมนาใหญ่"เครื่องรางพุทธ" หลวงพี่น้ำฝน-อุ๊ กรุงสยาม ร่วมถก!
สยามรัฐ --- สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติร่วมกับ ศูนย์คติชนวิทยา คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดกิจกรรมโครงการสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง "เครื่องรางของขลัง วัฒนธรรมชาวพุทธในสุวรรณภูมิ"ในวันที่ 19-20 ส.ค.53 ณ อาคารอเนกประสงค์ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าสนับสนุนอย่างยิ่ง ถือเป็นมิติใหม่แห่งการเรียนรู้ด้านเครื่องรางของขลัง ตามแบบฉบับวัฒนธรรมชาวพุทธในสุวรรณภูมิ เป็นงานสัมมนาทางวิชาการที่คนทุกระดับชั้นจะได้ประโยชน์จากโครงการนี้อย่างแท้จริง
กล่าวสำหรับความเชื่อเรื่องคาถาอาคมและเครื่องรางของขลัง เป็นมรดกภูมิปัญญาของมนุษย์ยุคโบราณที่สืบทอดกันมา ผู้คนในอาณาจักรโบราณของดินแดนสุวรรณภูมิ ก็เช่นกัน ล้วนมีรากฐานความเชื่อแบบวิญญาณ นิยมผสมผสานกับความเชื่อในลัทธิมนตรยานของพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเกิดเป็นความเชื่อแบบเฉพาะปรากฏอยู่ในระบบเลขยันต์ต่างๆ
ชาวพุทธในสุวรรณภูมิ ไม่ว่าจะเป็นจาม, มอญ, ขอม, เขมร, พม่า, ไทยใหญ่,ไทเขิน, ไทลื้อ, ลาว, มลายู และชาวสยามมีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์คาถาและเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะพระภิกษุเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องเลขยันต์มากที่สุดได้ย่อพระสูตรต่างๆ เป็นอักขระ จัดเรียงในรูปแบบตาราง หรือลายเส้น เป็นตัวเลขหรือรูปภาพ เขียน สัก หรือแกะลงบนแผ่นผ้า,ผิวหนัง, ไม้, โลหะ ฯลฯ ตลอดจนนำไปสร้างพระพิมพ์ พระพุทธรูป และวัตถุมงคลต่างๆ ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพในการปกป้องคุ้มครอง
ระบบเลขยันต์ของชาวสยามเป็นศาสตร์ชั้นสูงที่มีระบบระเบียบ มีหลักฐานแสดงวิวัฒนาการมานานหลายร้อยปี เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนจิตตามแนวทางของพระพุทธศาสนาจนพัฒนาเป็นคัมภีร์ เพื่อใช้ในการฝึกหัดเขียนยันต์แบบต่างๆ ได้ถึง 5 เล่มได้แก่ คัมภีร์ปถมัง, คัมภีร์อิธะเจ, คัมภีร์ตรีนิสิงเห, คัมภีร์มหาราช และคัมภีร์พุทธคุณเลขยันต์ต่างๆ ที่บรรจุอยู่ในคัมภีร์ดังกล่าวถือเป็นแม่แบบของยันต์ทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทย
ที่น่าแปลกใจและน่าทึ่ง คือ ความรู้ดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทฤษฎีฟิสิกส์สมัยใหม่ ที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังสนใจ นับตั้งแต่ ค.ศ.1990 เป็นต้นมา อาทิ ทฤษฎีSuper String แต่น่าเสียดายว่าองค์ความรู้หรือภูมิปัญญาไทยด้านนี้ ขาดผู้สืบทอดที่จะสามารถอธิบายได้กระจ่าง เพราะภาคปฏิบัติเป็นส่วนที่สืบทอดทางมุขปาฐะ และจำกัดอยู่เฉพาะปัจเจกบุคคลที่ยังคงมีอยู่ และมีแนวโน้มจะทวีมากขึ้น คือ การทำเลขยันต์ในฝ่ายไสยศาสตร์ ซึ่งอาศัยแรงครู? ได้แก่ครูเทพ, ครูฤๅษี, ครูอาจารย์ ฯลฯ ดลบันดาลผ่านพิธีกรรมการเซ่นสรวงบูชา และการปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งในปัจจุบันเน้นหนักในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ดังพบว่าการสักยันต์ และวัตถุมงคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระเครื่อง,เทวรูป, ตะกรุด, ผ้ายันต์ ฯลฯ เป็นสินค้าด้านความเชื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้บริโภค
ในยุคสมัยที่ความคิดแบบทุนนิยมเข้าครอบงำสังคมไทย ภูมิปัญญาของบรรพชนได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระมอมเมา เพราะคนไทยเชื่อเรื่องเลขยันต์ในทางไสยศาสตร์มากกว่าระบบเลขยันต์ที่สัมพันธ์กับการฝึกจิต มีการอ้างถึงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ของเครื่องรางของขลัง โดยมิได้คำนึงถึงวัตรที่ผู้รับวัตถุมงคลไปจะต้องปฏิบัติ แม้แต่วิธีการลงเลขยันต์ การเขียนตัวอักขระตัว นะ ก็ผิดเพี้ยนไป เกิดยันต์รูปแบบใหม่ ที่เน้นความสวยงามเพียงอย่างเดียวส่วนวัตถุมงคลต่างๆ ก็พิสดารมากยิ่งขึ้นตัวอย่างเช่น ชูชกอดีตชาติของพระเทวทัตก็กลายมาเป็นเครื่องรางนำโชคให้แก่ผู้ปรารถนาความสำเร็จในการขอ อันแสดงให้เห็นภูมิปัญญาที่ถดถอย ลงของคนไทย
ดังนั้น สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) จึงเห็นความจำเป็นที่จะเปิดประเด็นความรู้ด้านนี้ในเชิงวิชาการแก่สาธารณชน โดยการจัดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง "เครื่องรางของขลังวัฒนธรรมชาวพุทธในสุวรรณภูมิ" ขึ้น โดยจัดร่วมกับ ศูนย์คติชนวิทยา คณะอักษรศาสตร์ และสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อระดมผู้รู้ในศาสตร์ดังกล่าว และเปิดโอกาสให้นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมในวงกว้าง ทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอีกด้วย
ที่สำคัญเพื่อรวบรวมองค์ความรู้เรื่องเครื่องรางของขลังของคนไทยในมิติวิชาการเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องระบบยันต์ของไทย รวมถึงเครื่องรางของขลัง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความร่วมมือระหว่างนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้องค์ความรู้เรื่องภูมิปัญญาด้านเครื่องรางของขลังจากผู้เชี่ยวชาญ ได้แลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและผู้เข้าร่วมสัมมนา ได้มีบทบาทกระตุ้นให้คนไทยเข้าใจ และเกิดสำนึกในการสงวนรักษาและเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาทางด้านความเชื่อ ได้พันธมิตรทางวิชาการเพื่อร่วมกันทำงานส่งเสริมและเผยแพร่การเรียนรู้ภูมิปัญญาด้านต่างๆ ของคนไทย ได้ความรู้และข้อคิดเห็นต่างๆ ที่จะสามารถนำมาปรับใช้กับการจัดแสดงนิทรรศการ และเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสถาบันพิพิภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ได้เผยแพร่หนังสือเรื่อง "ระบบเลขยันต์ : แผนผังศักดิ์สิทธิ์" ที่สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ได้ให้ทุนวิจัยและจัดพิมพ์ได้เผยแพร่เอกสารจากการสัมมนาให้แก่ห้องสมุดสถาบันต่างๆ อีกด้วย
กำหนดการสัมมนาวิชาการ วันที่ 19-20 ส.ค.53 โดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี,อ.จุลทรรศน์ พยาฆรานนท์, นายณัฐธัญ มณีรัตน์, นายวุฒินันท์ ป้องป้อม, รศ.สุกัญญาสุจฉายา, นายศุภกิจ สิงหบุตร ผศ.ดร.กังวลคัชชิมา, อ.เศรษฐพงษ์ จงสงวน, นายธีรนันท์ช่วงพิชิต, นายสวิง บุญเจิม, นายอัตถนิชโภคทรัพย์, พระครูสิทธิสังวร วัดราชสิทธาราม,พระครูไพบูลย์รัตนากร วัดหงส์รัตนาราม,นายเชษฐา ฉายาสถิต, นายเอก นาครทรรพ,อ.เทวัญ ฉวางวงศานุกูล, อ.อนันต์ นันทกูล,อ.ประคอง รุ่นเจริญ, พระครูปลัดสิทธิวัฒน์(หลวงพี่น้ำฝน) วัดไผ่ล้อม, วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ (อุ๊ กรุงสยาม) และ อ.ภุชชงค์จันทวิช ผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ อ.สมฤทธิ์ลือชัย |
|