|
แก้ไขล่าสุด cho เมื่อ 11-8-2010 07:33
หากพูดถึงศิลปินเพื่อชีวิตคงไม่มีใครไม่รู้จัก'หงาคาราวาน' หรือ 'สุรชัย จันทิมาธร' เพราะเขาคือศิลปินรุ่นใหญ่ที่มากไปด้วย ฝีมือ ทั้งด้านการประพันธ์เพลงและการเล่นดนตรีจนได้รับฉายาว่า 'อาจารย์ใหญ่แห่งวงการเพลงเพื่อชีวิต' นอกจากนั้นยังเป็นศิลปินที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ กล่าวได้ว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาน้าหงาได้ยืนหยัดต่อสู้คัดค้านนักการเมืองคอร์รัปชันมาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ครั้ง 14 ตุลา16, พฤษภาทมิฬ 35 มาจนถึง 7 ตุลาเลือด ปี 51
ด้วยเส้นทางชีวิตที่ค่อนข้างโลดโผนเสี่ยงภัย เพราะต้องเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตไปร้อนเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ อีกทั้งยังมักขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเคลื่อนไหวคัดค้านทางการเมืองอยู่บ่อยๆ น้าหงาจึงมักสวมพระติดตัวอยู่เสมอ
พระที่ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่คนนี้แขวนอยู่ประจำนั้นมีอยู่ไม่กี่องค์ อาทิ สมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย พระสมเด็จเกศไชโย หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ และเนื่องจากเขาเป็นศิลปินนักร้องที่ต้องเดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตบ่อยๆหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ซึ่งมีพุทธคุณในเรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย จึงเป็นพระอีกองค์หนึ่งที่เขาเคารพศรัทธาและมีไว้บูชา
อย่างไรก็ดี น้าหงาบอกว่าพระเครื่องที่เขาสะสมอยู่นั้นส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อหาหรือเช่ามาแต่อย่างใด แต่เป็นพระที่เพื่อนๆ และคนที่รักใคร่ชอบพอกันให้มา ซึ่งเขาก็มักจะใช้เวลาว่างนั่งส่องดูรายละเอียดของพระแต่ละองค์ ซึ่งทำให้ได้ทั้งในเรื่องของสมาธิและความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องรุ่นต่างๆ
"ที่แขวนอยู่ตอนนี้ก็มี 2 องค์ ผมจะแขวนด้านหน้าองค์หนึ่ง ด้านหลังองค์หนึ่ง ด้านหน้านี่เป็นสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย (ศิลปินรุ่นใหญ่ถอดสร้อยที่ห้อยคออยู่ออกมาให้ดู) ส่วนด้านหลังก็เป็นหลวงปู่ดุลย์ ซึ่งเป็นเกจิดังที่จังหวัดสุรินทร์ บ้านเกิดผม คือคนสุรินทร์เขาจะเรียกว่าวัดปูน ที่ชอบพระสมเด็จบางขุนพรหมก็เพราะเป็นพระที่มีคุณค่าทั้งในแง่กาลเวลาและเกียรติประวัติ เป็นพระที่หลวงปู่โต พรหมรังสี ท่านสร้างไว้ คือใครมีพระสมเด็จนี่สุดยอดแล้ว ใครมีสมเด็จนี่ลองไปถามดูสิว่าของแท้เท่าไร แต่เราก็ไม่ได้บ้าราคานะ เพราะก็ไม่ได้มีเงินไปเช่าไปซื้ออะไร ที่ได้มาก็เพื่อนให้บ้าง อะไรบ้าง ก็เป็นสิ่งที่ดีน่ะนะอย่างเรื่องการเดินทางนี่สิ่งที่ช่วยให้อุ่นใจก็มีหลวงพ่อทวด เพราะ
ผมเดินทางบ่อย ก็ได้จากเพื่อนๆมาหลายองค์ คือในแวดวงศิลปินเนี่ยเพื่อนฝูงส่วนใหญ่เขาก็ชอบพระเครื่องกัน เราก็พลอยได้ตรงนี้ไปด้วย เพื่อนฝูงรักใคร่ชอบพอกันเขาก็ให้มา ถือว่าเป็นมงคลน่ะ"
"นอกจากนั้นที่ชอบก็จะมีสมเด็จเกศไชโย อำเภอเกศไชโยจังหวัดอ่างทอง ซึ่งผมก็เคยไปที่วัดเกศไชโย และเคยได้มา 2-3 องค์แล้ว ส่วนจะใช่หรือไม่ใช่ก็อีกเรื่องหนึ่งนะ เพราะเราไม่ได้มองพระในแง่การค้า ไม่ใช่เป็นพุทธพาณิชย์ แต่เราชอบในแง่ของงานศิลปะ เวลาที่ส่องพระก็มีความสุขอย่างประหลาด ในกล้องที่ส่องเราก็จะเห็นรายละเอียด เห็นเนื้อพระ เห็นรายละเอียดของพิมพ์ ทำให้มีความรู้เบื้องต้นว่าพิมพ์นั้นพิมพ์นี้เป็นยังไง เนื้ออย่างนั้นอย่างนี้เป็นยังไง แต่ก็ยังไม่แตกฉานนะ แล้วก็ไม่ค่อยได้ศึกษาหรือไปหาอ่านตำรับตำราอะไรกับเขา เพียงแต่เราก็เคารพนับถือน่ะนะ เวลาจะถอดจะวางเราก็เลือกวางในที่สูง แขวนไว้บนหัวนอน จะไปวางส่งเดชไม่ได้" สุรชัยเล่าถึงพระที่เขาสะสม
แม้น้าหงาจะไม่ได้แขวนพระในลักษณะของเครื่องรางของขลัง แต่ศิลปินรุ่นใหญ่ก็ได้เคยประสบกับพุทธานุภาพของพระที่เขาเคารพนับถืออยู่เช่นกัน ซึ่งน้าหงาเล่าด้วยท่าทีตื่นเต้นว่า
"ผมเคยรถคว่ำอยู่ครั้งหนึ่ง ขับรถมาคนเดียว ตอนนั้นก็แขวนสมเด็จเกศไชโย คือเราขับรถกลับจากไปตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตทั่วภาคเหนือ ไปมาเกือบเดือน ขึ้นภูเขาสูง ไปถึงชายแดน ขึ้นไปอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ไปจังหวัดน่าน ตะลุยมาตลอดแล้วก็ปลอดภัยมาตลอด จะกลับถึงบ้านอยู่แล้ว อีก2 กิโลเมตร ตอนนั้นประมาณตีสี่ตีห้าได้ ขับรถตกคลองไปเฉยๆเลย คือเครื่องยนต์มันขัดข้องตรงไหนสักที่หนึ่ง พวงมาลัยแข็งมันบังคับไม่ได้ ตอนนั้นไม่ได้เมาด้วยนะ ก็ขับรถตกลงไปในคลองรถหงายท้องเลย โชคดีที่แรงดันน้ำดันกระจกแตก ผมเลยใช้เท้าถีบออกมาจากรถได้ ปรากฏว่าไหปลาร้าหัก แต่รอดชีวิตมาได้ รถพังเละทั้งคัน คือรถคันนั้นเนี่ยต้องทิ้งไปเลย ซ่อมไม่ได้ เหตุการณ์นี้หลายปีแล้วนะ ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวที่มีอุบัติเหตุรุนแรง เราก็มีสติ ก็ระลึกถึงพระที่ห้อยคออยู่คือสมเด็จเกศไชโย"
"คือก็ไม่ได้ปักใจว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วย100% นะ ความจริงคือเราไม่ได้ประมาท เวลาขับรถก็ใจเย็นๆแล้วก็นึกถึงพระเพื่อเตือนสติเท่านั้น แล้วก็นับถือในเกียรติประวัติของท่านซึ่งมีความน่านับถือน่าศรัทธา อย่างแถวจังหวัดสุรินทร์บ้านผมก็มีหลวงปู่เจียม (วัดหนองยาว หรือวัดอินทราสุการาม) หลวงปู่ดุลย์ (วัดบูรพาราม) ซึ่งเซียนพระทุกคนรู้จักดี นอกจากนั้นแถวอีสานก็ยังมีหลวงปู่มั่น (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร) หลวงปู่ฝั้น (วัดป่าอุดมสมพรจ.สกลนคร) หรือพระบางองค์พรรคพวกเขาให้มา เราก็นับถือตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะแม้แต่คนศาสนาอื่นเห็นเขาก็ยังแขวนพระกันได้ ผมว่าพระเครื่องรางวัตถุมงคลต่างๆก็เป็นเครื่องปลุกปลอบใจให้คนไทยมีกำลังใจ รู้สึกอบอุ่นใจขึ้น"
นอกจากพระเครื่องแล้ว สุรชัย จันทิมาธร ยังแขวน ลูกปัดโบราณจากคลองท่อม จ.กระบี่ อายุนับพันปีอีกด้วย ซึ่งเหตุที่น้าหงาชื่นชอบหินคลองท่อมนั้นมิใช่เป็นเรื่องของความเชื่อด้านโชคลางซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าหินคลองท่อมมีความโดดเด่นในเรื่องโชคลาภการค้า และเมตตามหานิยม แต่เพราะเขามองว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยเป็นหินสีที่คนโบราณในแถบอ.คลองท่อม จ.กระบี่ ใช้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนในการซื้อขายสินค้าแทนธนบัตรซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน
"คือสมัยก่อนเขาจะใช้ลูกปัดแทนเงิน เช่น ซื้อไก่ตัวหนึ่งเอาลูกปัดไป 3 อันอะไรอย่างนี้ ที่คล่องท่อมเนี่ยชาวบ้านเขาขุดเจอกันเยอะมาก เป็นสายทางเลย ผมว่าเส้นทางมันมาไกลนะ เลยเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ใครได้มาก็น่าจะเก็บรักษาไว้ เดี๋ยวนี้เขาก็เจอลูก ปัดแบบนี้กันเยอะ มันขึ้นมาตามไร่ตามทุ่งนา แล้วไม่ใช่เฉพาะที่คลองท่อมหรือในแถบภาคใต้เท่านั้นนะ นครสวรรค์ก็มีลพบุรีก็มี ลูกปัดเนี่ยมีหลายสายนะ น่าแปลกว่าประเทศไทยมีวัตถุที่มีคุณค่าทางโบราณคดีเหล่านี้อยู่เยอะ ส่วนพระเครื่องเนี่ยต้องบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของคนไทยนะ ลูกผู้ชายไทยก็มีกันทุกคนแหละ ในวงคาราวานก็มีกันทุกคน แม้แต่ฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทย ก็ยังแขวนพระเลย" น้าหงากล่าวตบท้ายด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วย ความเลื่อมใสศรัทธา
|
|