|
เรื่องของทรูแมน ดันแคน ชายวัย 38 ปี ชาวเท็กซัส
. . .วันนั้น ดันแคน ถูกรถไฟน้ำหนักกว่า 20,000 ปอนด์ หรือประมาณ 9,000 กิโลกรัม ทับ และเกือบกระชากวิญญาณออกจากร่างไปในทันที ขาทั้งสองข้างขาดออกจากตัว กระดูกเชิงกรานและไตเสียหายหนัก แต่เขาก็เรียกสติกลับมา แลโทรเรียก 911 มาช่วยยื้อชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะเหลืออีกกี่นาที
. . .วันนี้ ดันแคน หายดีแล้วค่ะ แต่ต้องนั่งรถวีลแชร์ไปตลอดชีวิต ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายกับขาที่หายไป หากแต่ขอบคุณสวรรค์ ที่ทำให้เขารอดชีวิตเพื่อเห็นลูกเติบโต เพื่อได้แสดงให้ลูกรู้ว่าเขารักลูกมากแค่ไหน ขณะเดียวกันเขาก็ยังบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม โดยการช่วยทหารที่พิการขาขาดให้หลุดพ้นจากห้วงความทุกข์ ซึ่งเขามักพูดเสมอว่า "การมีชีวิตอยู่นั้นดีเสมอ"
กรณีนี้ทำให้ฉันนึกถึงประสบการณ์ของตัวเองค่ะ แต่ต่างกันตรงที่ฉันอยู่ในฐานะลูกที่กำลังจะเสียพ่อไป...
เมื่อหลายเดือนก่อนพ่อของฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าขั้นโคม่า คุณหมอบอกว่า พ่อเสียเลือดมาก สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ตอบไม่ได้ว่าจะมีโอกาสรอดกี่เปอร์เซ็นต์
. . .วันนั้น ฉันเฝ้าถามใครสักคนที่อาจกุมชะตาชีวิตเราอยู่ว่าทำไมไม่เป็นฉัน ฉันรักพ่อ ตายแทนพ่อได้ ให้ฉันตายยังดีกว่าพ่อต้องมาเป็นอย่างนี้ และวันนั้นเองทำให้ภาพความรักที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับพ่อ ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กย้อนกลับมาเป็นฉากๆ เคยขี่คอพ่อ เคยนอนนับดาวด้วยกัน เคยหัวเราะกับเรื่องตลกที่พ่อเล่า ฯลฯ
ฉันรักพ่อเหลือเกิน รักสุดหัวใจ และก็อีกนั่นแหละ ไม่ใช่แค่ฉันที่ทุกข์ทน อีกคนที่ดูแก่และโทรมไปถนัดตาก็คือแม่ ครั้งล่าสุดที่ฉันเจอท่านทั้งสอง พ่อกับแม่ไม่ค่อยคุยกัน อยู่แบบใครทำอะไรก็ทำ ฉันรับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป แต่เมื่อพ่อมาเป็นอย่างนี้ แม่ร้องไห้ คอยเฝ้าพ่ออยู่ไม่ห่าง นั่นทำให้ฉันรู้ว่า พลังรักที่แม่มีต่อพ่อนั้น มีมากไม่ต่างจากฉัน
. . .วันนี้ พ่อหายเป็นปกติแล้ว แม้แต่คุณหมอเจ้าของไข้ยังบอกว่า ไม่น่าเชื่อ . . .ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าเพราะความใจสู้อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อของพ่อ หรือเพราะปาฏิหาริย์แห่งรักของฉันและแม่ที่สื่อถึงพ่อกันแน่จึงทำให้พ่อฟื้นเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ฉันอยากขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้พลังรักของพวกเรากลับคืน ขอบคุณที่ช่วยเพิ่มพลังรักให้กับพ่อแม่ ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้ว่า พลังรักของฉันยังมีให้กับพ่อแม่มากมายแค่ไหน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเสียดีกว่าค่ะ เพราะอย่างไร พลังรักของเราก็คุกรุ่นในใจอยู่แล้ว เพียงแต่บ่อยครั้งที่เรามักลืมนึกถึงพลังรักที่ควรมีให้แก่กันเท่านั้น
และที่ฉันอยากจะบอกกับคุณก็คือ พลังรักนั้นไม่ได้หายไปไหน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรากลับหลงลืม และเลือกที่จะไม่ใส่ใจมากกว่า เพราะฉะนั้น อย่ารอให้เหตุการณ์เลวร้ายมาช่วยเรียกพลังรักให้กลับคืน หากแต่หมั่นเติมพลังรักให้กันและกันทุกวัน และตระหนักเสมอว่า พลังรักนั้นสวยงามและสร้างความสุขให้กับคุณมากขนาดไหน กันดีกว่าค่ะ |
|