เมืองเสน่ห์กาหลง มหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม
Khalong Amulet
20674
30
ซ่อนแถบด้านข้าง

ประวัติหลวงพ่อเณร ญาณวินโย วัดทุ่งเศรษฐี ราม 2

[คัดลอกลิงก์]
111 โพสต์เมื่อ 6-1-2012 15:42 | แสดงโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ Lukkrok วัดทุ่งเศรษฐี ด้วยครับ
หลวพ่อเณร ญาณวินโย วัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) เขตประเวศ กรุงเทพฯ
เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกและรูปปัจจุบัน

สมณศักดิ์
   ปี 2532 เป็นพระครูปลัดสัมพิพัฒนธีราจารย์ (พระครูปลัดฐานานุกรม ในสมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา กรุงเทพฯ
   ปี 2548 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ "พระพิศาลพัฒนาทร"
   ปี 2553 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ "พระราชพัฒนโสภณ วิมลวิหารกิจ มหาคณิสสร บวรสังคาราม คามวาสี"

วิทยฐานะ
   สอบได้นักธรรมเอก สำนักเรียนวัดสลุด
   ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
    ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สถานะเดิมชื่อ วินัย โพธิ์สุข นามบิดา นายบุญมา โพธิ์สุข นามมารดา นางสมนึก โพธิ์สุข เกิดที่ ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

บรรพชา  ปี 2521 โดยมีพระครูสมุทรสิริวัฒน์ (หลวงพ่อทับ) วัดสลุด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นพระอุปัชฌาย์

อุปสมบท ปี 2525 ณ พัทธสีมา วัดสลุด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พระอุปัชฌาย์ พระธรรมวโรดม ต่อมาได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จ พระราชาคณะ ในพระราชทินนามที่ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิธ เขมจารี) เจ้าคณะภาค ๑ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา แขวงสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
พระกรรมวาจาจารย์ พระครูสมุทรสิริวัฒน์ (หลวงพ่อทับ) วัดสลุด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พระอนุสาวนาจารย์ พระรัตนเมธี (ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระเทพวิริยาภรณ์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
210309z1koka51nm0m3y0b.jpg
210312z73qqfn3zm0ueb96.jpg

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 4รัก +2 หลง +10 ร้อนแรง +10 ย่อ เหตุผล
pn-autogas + 1
Iscandar_P + 10
batmonk + 1
poseidon + 10

ดูบันทึกคะแนน

ตัวเลขทั้ง 7 ในเบอร์มือถือ สามารถบ่งบอกนิสัยตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่ารอให้ชีวิตคุณดีก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเลขมือถือให้ดี คุณต้องเปลี่ยนเลขดีก่อน ชีวิตคุณถึงจะดี!! ตัวเลขเสียๆ มักดึงดูดพลังงานเสียๆ เข้ามาทำให้เราผิดหวังในชีวิต ตรงกันข้าม ตัวเลขดีๆ มักดึงดูดพลังงานด้านดีๆ เข้ามาในชีวิต ผนวกกับบุญกรรมเก่าของแต่ละคนว่าจะไปสุดที่ตรงไหน เลขบางตัวเหมาะกับคนหนึ่ง แต่เป็นเลขเสียกับอีกคนหนึ่ง ศาสตร์พลังงานเลขมือถือ บางส่วนอิงจากโหราศาสตร์ไทย บางส่วนมาจากการเก็บสถิติ ศาสตร์เลขมือถือต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ในการวางตัวเลขมือถือให้เหมาะสม หลายคนเมื่อทราบผลการวิเคราะห์เบอร์มือถือของตนแล้วว่า ดี ร้าย อย่างไร แต่ยังพร้อมยอมทนใช้อยู่ ไม่รู้ทำไม เหตุผลง่ายนิดเดียว "เพราะทุกคนมีกรรมเป็นของตน" เมื่อถึงเวลา ฟ้าจะเปิดทางให้ท่านเปิดใจรับเรื่องมงคลดีๆ เข้ามาเสริมความรุ่งเรืองชีวิตท่านเอง จงจำไว้ ดวงคนเลือกเบอร์มาใช้เอง เบอร์ใครเบอร์มัน ไม่ซ้ำกัน หากท่านศรัทธาในศาสตร์พลังตัวเลขแล้ว ขออย่าลังเล หรือสงสัย อย่ารีรอทนใช้เบอร์เสียๆ เพื่อดึงดูดเรื่องร้ายๆ มารอเพื่อส่งผลแล้วค่อยเปลี่ยนเบอร์มือถือ วันนี้ คุณมีทางเลือกใช้ชีวิตแบบติดเทอร์โบได้ มัวช้าอยู่ทำไม? บริการวิเคราะห์เบอร์มือถือ วางเลขมงคล เรื่องการงาน การเงิน ความรัก โทร 09ุ ุ42282289 LINE ID: cholvibul
 เจ้าของ| 111 โพสต์เมื่อ 6-1-2012 15:43 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
เด็กชายวินัย โพธิ์สุข ได้อยู่ที่วัดสลุดกับหลวงพ่อทับ ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เป็นที่รู้กันว่าหลวงพ่อทับ วัดสลุด เป็นศิษย์เอกของหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว (อุปัชฌาย์หลวงปู่เผือกคือ หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา) ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อทับ จนกระทั่งได้บรรพชาเป็นสามเณร พอบวชได้เพียงปีเดียวก็มีลูกศิษย์สร้างเหรียญถวายกันเลย

ตำราเก่าของหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้วก็ตกทอดมาถึงหลวงพ่อเณรแบบเต็มสูตร รวมถึงตำราของหลวงปู่ทองวัดราชโยธา

อีกทั้งท่านยังเดินธุดงค์แสวงหาความรู้และเดินทางหาครูบาอาจารย์ ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร ท่านได้ธุดงค์ไปที่ต่างๆทั้งในประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เพื่อศึกษาวิชาความรู้ด้านต่างๆ เมื่อกลับจากธุดงค์แล้วท่านได้ใช้วิชาเพื่อสงเคราะห์สานุศิษย์และญาติโยมผู้ ทุกข์ร้อนด้วยสาเหตุนานาประการ กิตติศัพท์ของท่านก็เริ่มร่ำลือแผ่ขยายออกสู่ภายนอกกว้างออกไปทุกที จนกลายเป็นครูบาอาจารย์ของบุคคลทั้งหลาย ทั้งๆที่ย้งเป็นเพียงสามเณร คนทั้งหลายที่ศรัทธาจึงพากันยกย่องและเรียกท่านว่า "หลวงพ่อเณร"

ผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และดูฤกษ์บวชให้หลวงพ่อเณร ญาณวินโย คือหลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ และพระที่นั่งอันดับในงานบวชล้วนเป็นเกจิในยุคนั้นทั้งสิ้น ซึ่งหลวงพ่อเณรก็ได้ศึกษาศาสตร์ต่างๆจากท่านเหล่านั้นด้วย

หลวงพ่อเณร ท่านสืบสานวิชาตำหรับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคจาก หลวงปู่ฤาษีลิงขาว (หลวงพ่อช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมี ศิษย์เอกหลวงปู่ปานอีกรูปหนึ่ง

นอกจากนี้หลวงพ่อเณรได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ท่านต่างๆ โดยตรง ด้วยตัวท่านเอง เช่น
หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี
หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี
หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล จ.เชียงใหม่
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
ครูบาหมวก วัดดอนชัย (ศิษย์ครูบาศรีวิชัย) จ.เชียงใหม่
หลวงพ่อบุญเย็น ฐานธมฺโม (หลวงพ่อประกาศิต) สำนักพระเจ้าพรหมมหาราช ตำบลปงตำ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
หลวงปู่อิน วัดลาดท่าใหม่ จ.จันทบุรี หรือหลวงพ่ออินเทวดา (ศิษย์หลวงปู่จัน วัดนางหนู และ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า)
หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี
หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง
หลวงปู่ชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง
หลวงปู่นิด วัดทับมา จ.ระยอง
หลวงพ่อช่วย วัดไตรมุก จ.ชลบุรี(ศิษย์หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย)
หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ
หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม จ.กาญจนบุรี
พระปลัดใบ คุณวีโร วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม(ศิษย์เอกหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว)
หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงปู่ฮวด วัดสุวรรณดาราม อยุธยา (ศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน)
หลวงปู่พรหมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี
หลวงปู่เคน วัดแซ่อุดมสุข จ.อุบลราชธานี
หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์
หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
หลวงปู่ผูก วัดเกาะ จ.เพชรบุรี (ศิษย์สายหลวงพ่อมี วัดพระทรง)
หลวงพ่อเปล่ง วัดวังไคร้ จ.เพชรบุรี (ศิษย์หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี )
หลวงพ่อเอื้อน วัดเขาทะโมน จ.เพชรบุรี (ศิษย์หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี )
หลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร
สมเด็จพระสุเมธาธิบดี จวน นาถ สังฆราชเขมร
ฯลฯ

หลวงพ่อเณรท่าน คือขุมคลังแห่งศาสตร์วิชาความรู้เก่าแก่ อาจเป็นเพราะอำนาจบุญบารมีที่ท่านสั่งสมมา จึงได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเลียงเป็นที่ยอมรับกับคนทั้งหลาย จนสามารถตั้งวัดพัฒนาจากแผ่นดินกลางนามาเป็นวัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) ดังที่เห็นในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจากวัดทุ่งเศรษฐี ราม 2 ด้วยครับ
 เจ้าของ| 111 โพสต์เมื่อ 6-1-2012 15:46 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ Lukkrok วัดทุ่งเศรษฐี ราม 2 ด้วยครับ
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ Lukkrok วัดทุ่งเศรษฐี ราม 2 ด้วยครับ
หลวงพ่อเณร ญาณวินโย ได้เรียนวิชาการเป่ายันต์เกราะเพชร จาก หลวงปู่ฤาษีลิงขาว (ช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมี จ.สุพรรณบุรี ผู้สืบสานวิชาเกราะเพชรจากหลวงปู่ ปาน วัดบางนมโค

ปฐมเหตุของการเรียนวิชายันต์เกราะเพชร
หลังจากที่หลวงพ่อเณรท่านได้ตั้งวัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) แล้วท่านก็ยังคงเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ว่ากันว่าขลังและดีจริงอยู่ตงอดเวลา จนเมื่อท่านได้เดินทางไปเยี่ยม พระอุปัชฌาย์ของท่าน สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารีมหาเถร) วัดปทุมคงคาฯ ท่านได้เอ่ยถามหลวงพ่อเณรว่า "ลูกเอ๋ย อยากเรียนวิชายันต์เกราะเพชรไหม" ด้วยความที่หลวงพ่อเณรท่านเป็นคนที่ชอบศึกษาวิชาต่างๆจึงตอบรับทันทีว่า "อยากเรียนครับ"  เจ้าประคุณสมเด็จฯกล่าวต่อว่า "ฉันรู้จักพระองค์หนึ่งอยู่สุพรรณบุรี มีความชำนาญและเจนจบในศาสตร์วิชาเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นยิ่งนัก ฉันจะเขียนจดหมายฝากฝังไปให้"

นี่คือเหตุของการได้พบกันระหว่างหลวงพ่อเณร ญาณวินโย กับหลวงปู่ฤาษีขาว (ช่อ อภินันโท) ศิษย์หลวงปู่ ปาน วัดบางนมโค

พบและเริ่มเรียนวิชายันต์เกราะเพชร
หลวงพ่อเณร ญาณวินโย ได้เดินทางไปพบหลวงปู่ฤาษีลิงขาว (ช่อ) ที่วัดฤกษ์บุญมี โดยนำจดหมายที่องค์อุปัชฌาย์เขียนฝากไปด้วย หลวงปู่ช่อรับจดหมายมาอ่านจนจบได้แต่ยิ้มและหัวเราะพร้อมกับกล่าวรับ หลวงพ่อเณร ญาณวินโย เป็นศิษย์และสั่งให้เตรียมพร้อมในการรับการถ่ายทอดวิชายันต์เกราะเพชร ที่เรียนหร้อมกันขณะนั้นมี 3 รูป ซึ่งหลวงปู่ช่อก็เมตตารับไว้ทั้งหมด แต่ที่เรียนจนจบมีเพียงหลวงพ่อเณร ญาณวินโย องค์เดียวเท่านั้น เพราะว่าการที่จะเรียนวิชายันต์เกราะเพชรให้จบสมบูรณ์จากหลวงปูช่อได้นั้น ท่านจะเป็นผู้สอบวิชายันต์เกราะเพชรด้วยตนเองทุกครั้ง หลวงปู่ช่อได้มอบตำราให้หลวงพ่อเณรศึกษาและถ้าสงสัยให้ถามเป็นคราวๆไป เพื่อเป็นการสอนและสอบทฤษฎีไปในตัว เพราะวิชาการเรียนเกราะเพชรนั้นไม่ง่ายกว่าที่เราคิด ต้องมีการเรียนรู้การตั้งธาตุ เดินธาตุ เป่ายันต์ลงในสสารต่างๆ (โลหะ ของเหลว อากาศ) ฯลฯ

สอบการเป่ายันต์เกราะเพชร
เข้าพรรษา พ.ศ.2534 หลวงปู่ช่อได้มาจำพรรษาและครอบครูที่ วัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) และทำการสอบเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นครั้งสุดท้าย

กำหนดขั้นตอนการสอบวิชาเป่ายันต์เกราะเพชร หลวงปู่ช่อได้จัดพิธีครอบครูมอบตำราให้ให้แก่หลวงพ่อเณรอย่างถูกต้องเป็นทางการ จากนั้นนำไปยังสถานที่สอบคือภายในอุโบสถ วัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) สำหรับการสอบนั้นหลวงปู่ช่อนำเอากระดาษสาใส่กรอบไม้มาวางไว้ แล้วกลับมานั่งโดยห่างจากกระดาษสาประมาณ 20 เมตร หลวงปู่ช่อ รวบรวมสมาธิบริกรรมพระคาถาและเป่าไปที่กระดาษ ปรากฏว่ากระดาษสาเป็นรูโหว่ซึ่งเดิมไม่มีร่องรอยการขาดใดๆ นี่เป็นข้อทดสอบที่ต้องทำและต้องผ่านให้ได้ มีกำหนดเวลา 2 เดือนช่วงเข้าพรรษาเท่านั้นถ้าเกินถือว่าขาดคุณสมบัติไม่สามารถเรียนจบได้

ช่วงเข้าพรรษาหลวงพ่อเณรได้ฝึกเป่ายันต์ตลอดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าจะทำอย่างไร รวบรวมสมาธิขนาดไหน ก็ไม่เป็นผล กระดาษสาไม่เป็นรู จนวันสุดท้ายของกำหนดการสอบ เมื่อสอบถามหลวงพ่อเณรว่าแล้วทำไมถึงเรียนสำเร็จ หลวงพ่อเณรท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า
"แรมค่ำเดือน 11 ตรงกับวันตักบาตรเทโว เป็นวันสุดท้ายแล้ว เราหมดกำลังใจ ท้อถอย เบื่อหน่าย เพราะเป่าจนคอแห้งก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ได้แต่พร่ำบอกหลวงพ่อช่อว่า ไม่เอาแล้ว ขอเรียนวิชาอื่นดีกว่า เช่น วิชาทำตะกรุด น้ำมัน น้ำมนต์ วิชาเป่ายันต์เกราะเพชรมันยากแท้" หลวงพ่อเณรจึงยกกระดานเก็บแต่หลวงปู่ช่อเอ่ยบอกว่า "เอาน่าลองอีกครั้งหนึ่งจะเป็นไรกัน เอ้าลองดูสิ"  จึงนำกระดานกระดาษสามาวางที่เดิมและกลับมานั่ง "ในใจจิตมันปล่อยวางไม่กดดัน เพราะไม่ได้หวังอะไรอีกแล้ว" หลวงพ่อเณรนั่งบริกรรมพระคาถาทำจิตให้ว่างปล่อยวาง จากนั้นเป่าลมออกไป ปรากฏว่านอกจากกระดาษสาทะลุเป็นรูแล้วยังปลิวกระเด็นไปปิดประตูด้วย จนหลวงปู่ช่อท่านยังหัวเราะและกล่าวขั้นว่า "แหม! แรงกว่ากูอีกนะ"

หลวงพ่อช่อได้เผยเคล็ดลับการเป่าพระยันต์เกราะเพชรว่า "ทุกอย่างอยู่ที่จิตและสมาธิ" ความศักดิ์สิทธิ์ของพระยันต์เกราะเพชรไม่ได้อยู่ที่พิธีการแต่อยู่ที่อภิญญาจิต ที่ต้องใช้กำลังของสมาธิสูง

นับจากนั้นหลวงพ่อเณรท่านเป่ากี่ครั้งกระดาษก็ทะลุ หลวงปู่ช่อถึงกับให้หลวงพ่อเณร ไปเป่ายันต์แทนอยู่เสมอ แต่หลวงพ่อเณรไม่ยอมทำพิธีเป่ายันต์ที่วัดทุ่งเศรษฐี หรือไปเป่าตามที่หลวงปู่ช่อบอก หลวงพ่อเณรเคยกล่าวเสมอว่า "เราตั้งสัจจะเอาไว้ว่าเมื่อเรียนวิชาอาคมใดก็ตาม ถ้าครูบาอาจารย์ยังไม่สิ้น เราจะไม่ทำของวัดรอยเท้าครูบาอาจารย์อย่างเด็ดขาด"

จุดเริ่มของการเป่ายันต์เกราะเพชร ที่วัดทุ่งเศรษฐี
ลูกศิษย์ได้พยายามขอให้หลวงพ่อเณรจัดพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ท่านก็ไม่ยอมเป่า จนกระทั่งหลังจากหลวงปู่ช่อ มรณภาพ 3 ปีทางวัดทุ่งเศรษฐีจัดให้มีการสะเดาะห์เคราห์ประจำปีขึ้น ปรากฏว่ามีประชาชนมาร่วมงานกันมากผิกปกติจนหลวงพ่อเณรยังแปลกใจจึงถามลูกศิษย์ว่าทำไมคนมากันมากนัก ลูกศิษย์จึงนำใบปลิวมาให้ดู ปรากฏว่าในใบปลิวนั้นได้เขียนถึงกำหนดการพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร แทนที่จะเป็นพิธีสะเดาะเคราะห์ เหมือนปกติ หลวงพ่อเณรจึงรู้ว่าคนมากันเยอะเพราะอะไร ทั้งนี้ในการจัดงานปีนี้ พระครูวิจิตรสาธุวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ศิษย์วัดทุ่งเศรษฐีจะพบท่านบ่อยๆ (ท่านมรณภาพปี กุมภาพันธ์ 2552) รับอาสาจัดพิมพ์ใบกำหนดการให้ และได้เตรียมการสำหรับพิธีไว้แล้วโดยไม่บอกหลวงพ่อเณร เคยถามหลวงพ่อเณรว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ตัวกระทันหันว่าต้องเป่า ท่านก็ตอบว่าตกใจเหมือนกันแต่นึกถึงครูบาอาจารย์แล้วจิตใจมันปลอดโปร่งเลยมีความมั่นใจในครูบาอาจารย์และตัวเอง

เมื่อทำการเป่ายันต์เกราะเพชรทั้ง 8 ทิศประชาชนที่มาร่วมพิธีบางคนก็ร้องไห้ มีการประทับร่างกันแตกตื่น บ้างก็ระบายของเสีย รู้สึกคันตามผิวหนัง ในครั้งนั้นผมก็เข้าพิธีด้วย

ปกติหลวงพ่อเณรจะจัดให้มีการเป่ายันต์ ในวันที่ 31 ธันวาคม และช่วงงานไหว้ครูประจำปีตอนเดือนกุมภาพันธ์ เป็นประจำทุกปี

ภาพประวัติศาสตร์ หลวงปู่ฤาษีลิงขาว (ช่อ อภินันโท) ทำพิธีครอบครูประสิทธิ์ประสาทพระยันต์เกราะเพชร แก่หลวงพ่อเณร ญาณวินโย อย่างถูกต้อง (สามารถไปชมได้ที่วัดทุ่งเศรษฐี)

    หลวงปู่ฤาษีลิงขาวครอบครูเกราะเพช.jpg.jpg (120.96 KB, จำนวนดาวน์โหลด: 1)


 เจ้าของ| 111 โพสต์เมื่อ 6-1-2012 15:48 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ Lukkrok วัดทุ่งเศรษฐี ราม 2 ด้วยครับ
พบหลวงพ่อบุญเย็น
เมื่อครั้งที่หลวงพ่อเณร ญาณวินโย ออกธุดงค์เมื่อเป็นเณร ได้ผ่านไปเจอวัดหนึ่งมีคนเยอะมากจึงได้เข้าไปดู จึงได้ทราบว่าประชาชนมาหาหลวงพ่อบุญเย็น เมื่อได้พบกับหลวงพ่อบุญเย็น และได้สนทนากัน จึงได้ทราบประวัติเกี่ยวกับพระเจ้าพรหมมหาราชและของหลวงพ่อบุญเย็นซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติและพัฒนาที่น่านับถือเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสนทนาได้ระยะหนึ่ง ท่านก็ได้เมตตาสอนวิชาต่างๆให้ ที่เป็นวิชาเฉพาะที่ท่านมีความชำนาญเป็นพิเศษ

หลวงพ่อบุญเย็นนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าท่านเก่งเรื่อง เทียนเมตตา น้ำมนต์ และธูปเสก ท่านได้เมตตาสอนหลวงพ่อเณรให้ทำเป็น นอกจากนี้ท่านยังได้สอน ยันต์นะเมตตาพระเจ้าพรหมมหาราช ที่ท่านใช้ทำวัตถุมงคลต่างๆ พุทธคุณเมตตาได้ทุกอย่าง และที่สำคัญท่านสอนทำ เทียนปิโย เทียนเทวดา ที่ทุกครั้งเวลาท่านจะออกรับแขก ท่านจะทำการจุดบูชา พระเจ้าพรหมมหาราช
นอกจากนั้นท่านก็สอนการเสกข้าวเลี้ยงคนด้วย เป็นต้น

ตำราเหล่านี้หลวงพ่อเณรท่านได้ผสมกับตำราอื่นๆที่เรียนจากครูบาอาจารย์ท่านต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อนำมาใช้สงเคราะห์ลูกหลานต่่อไป

เมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนเสร็จ หลวงพ่อเณร ก็ได้ลาหลวงพ่อบุญเย็นเพื่อเดินทางต่อไป

หลวงพ่อบุญเย็น ประกาศิต ช่วยหาเงินสร้างวัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2)
หลังจากครั้งนั้นเมื่อหลวงพ่อเณรกลับจากธุดงค์มาอยู่ที่วัดสลุด ก็ได้ไปนมัสการหลวงพ่อบุญเย็นเป็นประจำ จนเมื่อหลวงพ่อบุญเย็นทราบข่าวว่าหลวงพ่อเณรจะไปตั้งวัดตามคำสั่งของ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารีมหาเถร) พระอุปัชฌาย์ เมื่อทราบข่าวแล้ว ในงานประจำปีที่วัดสลุด 2526 หลวงพ่อบุญเย็นก็ได้มาช่วยตลอดงาน ปีเดียวกับที่หลวงพ่ออุตตมะ มาช่วยที่วัดสลุด

ธูปเสกที่หลวงพ่อเณรท่านทำทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากหลวงพ่ออุตตมะ และหลวงพ่อบุญเย็นประกาศิต

รูปบรรยากาศที่หลวงพ่อบุญเย็น ประกาศิต มาเสกธูป เสกน้ำมนต์ ที่วัดสลุดและให้บูชาด้วยตัวท่านเอง


 เจ้าของ| 111 โพสต์เมื่อ 6-1-2012 15:50 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ Lukkrok วัดทุ่งเศรษฐี ราม 2 ด้วยครับ
หลวงพ่อเณร ญาณวินโย ได้ร่ำเรียนวิชาของหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว จากครูบาอาจารย์สองท่าน
   1. จากหลวงพ่อทับ วัดสลุด                  ศิษย์เอกที่เป็นพระภิกษุ  
   2. จากตาผิว  (หรือนายปา เมืองจันทร์) ศิษย์เอกที่เป็นฆราวาส   

เมื่อวัยเด็กนั้น เด็กชายวินัย โพธิ์สุขมักจะไปเล่นที่วัดสลุดที่กุฏิหลวงพ่อทับ และไปหาตาผิวทุกอาทิตย์โดยเฉพาะเมื่อจะถูกแม่สมนึกตี ตาผิวนั้นเป็นบิดาของแม่สมนึก (หรือตาแท้ๆของหลวงพ่อเณร) ถ้าไปหาตาผิวก่อนก็จะไม่ถูกตีเนื่องจากเป็นหลานรัก และเป็นคนทำคลอดให้เพราะตาผิวเป็นแพทย์ในตำบล โดยเมื่ออายุประมาณ 3 ขวบก็จะไปอยู่กับหลวงพ่อทับเป็นช่วงๆสักพักหนึ่ง ก็ได้ย้ายไปอยู่กับหลวงพ่อทับถาวร

ศิษย์เอกหลวงปู่เผือกทั้งสอง
หลวงพ่อทับนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นศิษย์เอกหลวงปู่เผือกที่เป็นพระภิกษุ ได้สอนหลวงพ่อเณรตั้งแต่เด็ก จนเมื่อจบ ม. 3 จากโรงเรียนแสงหิรัญ ก็บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ อายุ 16 พ.ศ. 2521 ก่อนจะไปธุดงค์และเมื่อกลับมาก็ไม่ใช่เพียงสามเณรวินัยอีกต่อไป (ช่วงไปธุดงค์มีเหตุเกิดขึ้นมากมายจนทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป)

หลวงพ่อเณรนั้นนอกจากสืบสานพุทธาคมจากหลวงปู่เผือกแล้ว ยังสืบสานชาติวงศ์จากท่านด้วย โดยเกี่ยวพันทางฝ่ายยายฟื้น (ภรรยาตาผิว) ส่วนตาผิวนั้น เป็นศิษย์เอกที่เป็นฆราวาสมีความเชี่ยวชาญในคาถาอาคมมาก (อดีตเคยเป็นเสือ) ตำรายาแผนสมุนไพร (แผนโบราณ) นั้นหลวงปู่เผือกได้ถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้ตาผิว และที่สำคัญที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้นอกจากคนในพื้นที่ คือ ตาผิวคือผู้ที่ทำผงอิทธิเจให้หลวงปู่เผือกทั้งหมด เพื่อนำไปทำพระต่างๆ ความพิเศษของผงอิทธิเจที่ตาผิวทำนั้น โยมแม่สมนึกมารดาหลวงพ่อเณร (และญาติพี่น้องคนอื่นๆ) เล่าให้ฟังว่าเวลาตาผิวทำผงอิทธิเจ จะไม่ได้เขียนและใช้มือลบผงลงภาชนะ แต่จะใช้วิชาปัดตลอด โดยวางกระดานชนวนบนไหเมื่อเขียนยันต์ต่างๆแล้วจะใช้มือตบให้อักขระที่เขียนทะลุกระดานลงไหไปเลยไม่ต้องใช้มือลบลบ จากนั้นจึงนำผงไปให้หลวงปู่เผือกทำพระต่อไป ความชำนาญพิเศษของตาผิวคือ มีความเชี่ยวชาญแพทย์แผนโบราณตำหรับหลวงปู่เผือก และตำหรับอื่นๆ ตาผิวเป็นผู้ทำคลอดหลวงพ่อเณรด้วยตัวเอง ชื่อเสียงของตาผิวเป็นที่รับรู้ของคนในพื้นที่ เช่นเมื่อคราวที่เจอคนจะคลอดแต่เด็กไม่กลับหัวตายในท้อง ตาผิวจะเสกสายสิญจน์ให้กินสักพักจะสาวสายสิญจน์ออกจากช่องคลอดสายสิญจน์ที่กลืนลงไปจะไปคล้องคอเด็กแล้วสามารถลากหัวเด็กออกมาเลยแม่ก็จะปลอดภัย เป็นต้น คาถาอาคมและตำราแพทย์ทั้งหมดตาผิวได้ถ่ายทอดให้หลวงพ่อเณรผู้เป็นหลานแท้ๆไว้ ได้รับสืบทอดไว้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว

หลวงปุ่เผือกย่นระยะทาง
แม่สมนึก มารดาหลวงพ่อเณร นั้นหลวงปู่เผือกเป็นผู้ที่ตัดจุกให้ โดยในวันที่ตัดจุกนั้นได้มีคนในคลองวัดสลุดแย่งกันนิมนต์หลวงปู่เผือกไปตัดจุกให้ลูกกันมาก แต่หลวงปู่เผือกไม่ไปงานใครเลย บอกว่า "จะไปบ้านไอ้ผิวบ้านเดียว" พอเอ่ยสักพักไม่ถึง 10 นาที หลวงปู่เผือกก็ไปโผล่ที่บ้านยาย (โดยใช้วิชาย่นระยะทาง) เรื่องนี้คนในคลองวัดสลุดจะรู้กันดี เรื่องราวต่างๆของหลวงปู่เผือกที่เกี่ยวพันกับครอบครัวของหลวงพ่อเณรมีเยอะ

ตาผิว นั้นเป็นไวยาวัจกร ที่ดูแลวัดสลุด และเป็นผู้มาบุกเบิกวัดทุ่งเศรษฐี โดยเมื่อจะทำการถมดินที่วัดสมัยนั้นจะมากัน 4 คน คือตาผิว ตาคำ (น้องตาผิว) หลวงตาชุบ และหลวงตาพูน (อาของแม่หลวงพ่อ) มาสร้างกระต๊อบ ณ บริเวณที่ตั้งวัดทุ่งเศรษฐี เพื่อควบคุมการถมที่ ในปี 2527

ในวันฌาปนกิจ ตาผิว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2534 นั้น พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพัณธุ์ยุคล (เสด็จพระองค์ชายใหญ่) เสด็จเป็นการส่วนพระองค์มาเป็นประธาน โดยมีพระคณาจารย์มาร่วมงาน เช่น
สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารีมหาเถร) วัดปทุมคงคาฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม กรุงเทพฯ
พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศน์ฯ (ปัจจุบัน พ.ศ.2553 เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แทนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ซึ่งมรณภาพเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553)
หลวงเตี่ย วัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพฯ
หลวงปู่ฤาษีลิงขาว (ช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมี จ.สุพรรณบุรี
ฯลฯ




 เจ้าของ| 111 โพสต์เมื่อ 6-1-2012 15:52 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลจากพี่ Lukkrok วัดทุ่งเศรษฐี ราม 2 ด้วยครับ
หลวงพ่อเณร เรียนวิชาสายเขมรจาก หลวงปู่ชื่น วัดตาอี
หลวงพ่อเณร ญาณวินโย ได้ร่ำเรียนวิชาสายเขมรมามากเริ่มตั้งแต่ครั้งไปธุดงค์ตอนเป็นเณร และเสาะหาครูบาอาจารย์ที่เก่งทั้งพระและฆราวาส (เมื่อครั้งธุงค์ก็มีหลายท่านมาสอนแต่ไม่บอกชื่อ) เพื่อเรียนตลอดมา และองค์หนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี ก็คือ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์

เหตุแห่งการไปพบหลวงปู่ชื่น
หลวงพ่อเณร รู้จักหลวงปู่ชื่น เนื่องจากเมื่อตอนหลังจากเรียนวิชาสายเขมร จากหลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ จนหมดสิ้นแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์เห็นความตั้งใจและศึกษาได้เร็วมากจึงแนะนำให้หลวงพ่อเณร เดินทางไปหาหลวงปู่ชื่น วีดตาอี เพื่อต่อวิชา

พบหลวงปู่ชื่น และทดสอบก่อนรับเป็นศิษย์
ก่อนจะเริ่มสอนวิชาสายเขมร หลวงปู่ชื่น ได้ทำการสอบกรรมฐานหลวงพ่อเเณร จนมั่นใจว่า มีอภิญญาจิตสูงพอสามารถที่จะร่ำเรียนได้ และสอบอารมณ์กรรมฐานผ่านเกณฑ์ที่ท่านกำหนดไว้เป็นอย่างดี ท่านจึงเริ่มทำการถ่ายทอดวิชาต่างๆ

เริ่มถ่ายทอดวิชาอย่างจริงจัง
หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว เริ่มทำพิธีไหว้ครู โดยใช้ทองคำแท้ในการบูชาครู ให้นอนบนเสื่อหวาย จารอักขระอาถรรพณ์ ลงบนร่างกายเป็นเวลา 7 เสาร์ 7 อังคาร จึงจะร่ำเรียนได้

หลวงปู่ชื่น จะมาพำนักที่วัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) บ่อยมากเพื่อมาทำธุระ มาสอนและต่อวิชากับหลวงพ่อเณร มาพักแต่ละครั้งประมาณ 1-2 สัปดาห์ และมาจำพรรษา อยู่ ณ วัดทุ่งเศรษฐี (ราม 2) ในปีพ.ศ. 2545 และ 2546

หลวงปู่ชื่น เป็นศิษย์สายเขากุเลน ที่เป็นตักศิลาพระเวทย์เขมรโบราณ โดยมีอาจารย์ของท่านเช่น หลวงปู่เอื้อย, หลวงปู่ดี สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ อีกทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา หลวงปู่ดีท่านเป็นเชื้อสายกษัตริย์เขมร ตำราโบราณตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ก็ตกทอดมาถึงท่านซึ่งได้ถ่ายทอดไว้ให้หลวงปู่ชื่นทั้งหมด

ตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่เริ่มทดสอบ หลวงปู่ชื่นได้ท่านถ่ายทอดวิชาต่างๆและมอบตำราที่ท่านมีทั้งหมดให้กับหลวงพ่อเณร ทั้งวิชาอาคม พระเวทย์ รวมถึงอาถรรพ์ต่างๆ อีกทั้งมวลสารอาถรรพณ์ต่างๆที่ท่านมี ได้มอบไว้ให้ทั้งหมดก่อนออกพรรษา ปี 2546 ก่อนที่ท่านจะไปมรณภาพที่ประเทศ สิงคโปร์

หลวงปู่ท่านเก่งมาก และเป็นพระที่มีเมตตาสูง ตอนที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัด พอเลิกงานตอนเย็นต้องและมานมัสการท่านบ่อยมาก ท่านได้เมตตาลงนะเต็มสูตรให้

ภาพประวัติศาสตร์


tumbatong โพสต์เมื่อ 6-1-2012 16:04 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
กราบหลวงพ่อเณร ครับ
kaineverdie โพสต์เมื่อ 6-1-2012 16:11 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ข้อมูลดีดี
pungkung โพสต์เมื่อ 6-1-2012 16:13 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
Acting2LT โพสต์เมื่อ 6-1-2012 17:09 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
กราบ หลวงพ่อเณร ขอรับ
greenday โพสต์เมื่อ 6-1-2012 18:55 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
กราบนมัสกรานหลวงพ่อทุกครั้งทีมีเวลาว่างผมไปกราบท่านเสมอ
 เจ้าของ| 111 โพสต์เมื่อ 6-1-2012 19:17 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ของจริงที่หาได้ยากยิ่งในยุคนี้ล่ะครับ
batmonk โพสต์เมื่อ 6-1-2012 20:00 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
sun โพสต์เมื่อ 7-1-2012 11:31 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
PramoteW โพสต์เมื่อ 7-1-2012 17:04 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
กราบหลวงพ่อเณรครับ
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | สมัครเป็นชาวเมืองเสน่ห์กาหลง

รายละเอียดเครดิต

ปิด

เว็บมาสเตอร์แนะนำย้อนกลับ /1 ถัดไป

รายชื่อผู้กระทำผิด|Archiver|Mobile|เมืองเสน่ห์กาหลง (Khalong Charming Town)

GMT+7, 1-5-2024 21:27 , Processed in 0.209913 second(s), 8 queries , File On.

Powered by Discuz! X3.4

© 2001-2017 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้