ตำนานอักขระแห่งจักรวาลโลกของพระเครื่องคือ อ.ใหญ่ นิรนามไตรภูมินั่นเอง ตอนที่ 3

ติดตามอภิมหากาพย์ของอาจารย์หม่อม หรืออาจารย์ใหญ่ นิรนามไตรภูมิ จนมาถึงตอนที่ 3 แล้ว..หลายท่านฟังแล้วก็อึ้ง ทึ่ง และเสียววูบ..หลายท่านฟังแล้วยิ่งศรัทธา บ้างฟังไม่ฟังก็ศรัทธาอยู่แล้ว เพราะมีพระเครื่องของท่านตั้งแต่ยังไม่รู้จักประวัติท่านด้วยซ้ำ บ้างได้ประสบการณ์จากพระเครื่องของท่านเป็นคำตอบไร้ข้อกังขาประวัติอาจารย์ท่าน เชื่ออย่างเดียวว่าเจ้าเมืองเสน่ห์กาหลง ผู้หญิงผู้ก่อนหน้านี้ไม่เคยอยู่ในแวดวงการพระเครื่อง หรือเครื่องรางมหาเสน่ห์ผู้นี้จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน..หากใครเคยผิดหวังนั้นไซร้ก็คงเป็นเรื่องของเวรกรรมที่ชักนำพาท่านมาก็แล้วกัน..ดิฉันก็ยังงงกับตัวเองอยู่..ไฉนใครมาดลใจให้มาตั้งรกรากสร้างเมืองเสน่ห์กลางโลกไซเบอร์จนลือเลื่องเรื่องกำเนิดอาจารย์ใหญ่ผู้ลึกลับท่านนี้ เมืองกาหลงนั้น ในตำนานกำเนิดพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ก็มีอยู่จริง...มาถึงตรงนี้ ประวัติท่านบางส่วนเริ่มเผยให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว หลายท่านอาจเริ่มปรามาสอาจารยท่านในใจ เวรกรรมของใครนั้นก็รับ-ส่งรายบุคคลกันไป กรรมระเหยเองไม่ได้ มันต้องถูกชดใช้ไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง ไม่มีคานกั้นคอยเก็บกักกรรมไว้..เพราะใครทำอะไรก็ย่อมได้รับผลแบบนั้นติดตามทุกภพชาติไปเสมอ..มาต่อกันดีกว่า!!

ร่างทรงองค์เทพมีจริงนี่หน่า?
ความเดิมตอนที่แล้ว...
ท่านอาจารย์หม่อมจึงเดินแหวกฝูงชนที่มาจากทั่วสารทิศ พร้อมจุดธูป ก้มลงกราบร่างทรง.. เสร็จแล้วจึงนำธูปไฟแดงๆ จิ้มพลั๊ว! ประทับไปที่แขนของเจ้าที่ประัทับทรงจนเจ้าที่ร้อง 'โอ้ย..ยยยย...ร้อน!' ร่างทรงโกรธมากสิ ดุด่าต่อว่าอาจารย์หม่อม ทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือ.. จากนั้น อาจารย์ใหญ่ก็แยกแยะให้ฟังว่า..

ท่านรู้ตั้งแต่เข้าไปในตำหนักแล้ว เพราะท่านไม่เห็นเทพเทวดาในตำหนักเลย เห็นเพียงสัมภเวสีที่มาขอส่วนบุญจากผู้ที่มาตำหนัก และเอาเครื่องเซ่นสังเวยมาถวายเจ้าองค์นี้ สัมภเวสีก็จะกินของที่ถวาย ท่านจึงแกล้งลองเอาธูปไปจี้ เพราะหากเป็นการประทับร่างทรง หรือผ่านณาณร่างทรงของแท้จะไม่มีความรู้สึก เพราะจิตของร่างทรงจะถูกกดทับเอาไว้โดยจิตของเทพเทวดาที่มีพลังที่เหนือกว่าจะทำให้ร่างกายไม่รู้สึกเจ็บ หรือร้อนหนาว อย่างเช่นการเข้าทรงในพิธีบูชาของวัดแขกสีลม พิธีเชิญเทพมาประทับทรงในพิธีกินเจที่ภูเก็ต จะเห็นว่าเจ้าที่ที่มาได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์เหนือธรรมชาติ เช่น การนำตะขอเบ็ดขนาดใหญ่มาเกี่ยวที่กระพุ้งแก้มเป็นจำนวนมาก แล้วนำลูกตุ้มเหล็กมาแขวนถ่วงไว้และเหวี่ยงไปมา หากเป็นคนธรรมดาสามัญคงร้องโอดโอมด้วยความรู้สึกเจ็บปวด หรือจะว่าไปคนธรรมดาก็คงไม่เอาอะไรมาทำให้ร่างกายตนเองได้รับความเจ็บปวดเป็นแน่แท้ แต่หากเจ้าเข้าประทับทรง ร่างทรงจะไม่มีอาการเจ็บปวด เลือดออกจากบาดแผลก็แทบจะไม่มี แผลเป็นก็ไม่เกิด หรือหากร่างทรงเดินผ่านกองไฟที่มีถ่านแดง ก็จะไม่เกิดแผลพุพองจากความร้อนของไฟเลยแม้แต่น้อยนิด..ถึงตรงนี้ ทำให้เราเชื่อว่า ร่างทรง หรือองค์เทพประทับทรงนั้นมีจริง..แต่สิ่งที่เราเห็นด้วยตาจริงนั้น มีบางอย่างที่เรามองไม่เห็น หรือแยกแยะว่า จริงหรือมั่ว แต่อาจารย์ใหญ่ นิรนามไตรภูมินั้น เห็นในสิ่งที่เรามองไม่เห็น และสัมผัสในสิ่งที่เราสัมผัสไม่ได้..

กายใหม่จิตเดิม
ความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมีมาหลายยุคหลายสมัย การระลึกชาติของคนทุกชาติ ทุกศาสนา เราก็เห็นเป็นข่าวมาตลอด เช่นเรื่องที่มีข่าวสาร และเอกสารบันทึกเผยแพร่ไปทั่วโลกคือ การระลึกชาติขององค์ดาไลลามะ องค์ปัจจุบัน

องค์ดาไลลามะ คือตำแหน่งสูงสุดในประเทศธิเบต ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ และการเมืองการปกครอง มีตำหนักโปตาลาเป็นที่ประทับ และสำหรับประชุมคณะรัฐมนตรี ตำแหน่งดาไลลามะมีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๘ จนถึงปัจจุบันนี้นับเป็นองค์ที่ ๑๔ คนธิเบตนับถือพุทธศาสนา นิกายมหายาน มีความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด การกลับชาติมาเกิด และการเข้าทรงเป็นเความเชื่อที่ฝังอยู่ในสายเลือดของชาวธิเบตมานมนาน การกลับชาติมาเกิด ชาวธิเบตเรียกว่า "ตุลกู" หมายถึงผู้ที่เลือกจะกลับมาเกิดใหม่ เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของตนต่อไป หรือเลือกที่จะเกิดเพื่อโปรดสัตว์ หรือช่วยชาวโลกให้พ้นจากทุกข์ เฉกเช่น พระโพธิสัตว์ ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวทางพุทธศาสนา นิกายมหายานที่มุ่งปฏิบัติให้สำเร็จพระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ไม่ถึงนิพพานที่คอยโปรดสัตว์ ที่ยังมีทุกข์ให้พ้นจากวัฏสงสาร ทั้งๆ ที่สามารถจะนิพพานได้ นับเป็นการเสียสละที่น่ายกย่องยิ่งนัก ชาวธิเบตเชื่อว่า การกลับชาติมาเกิดเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะในธิเบต 'ตุลกู' หรือผู้ที่กลับชาติมาเกิดใหม่มีมามายนับพันคน แต่ที่พิเศษกว่าตุลกูธรรมดาคือ การกลับชาติมาเกิด และจำอดีตชาติได้อย่างแม่นยำของดาไลลามะองค์ที่ ๑๔ (องค์ปัจจุบัน) ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการ "อวตาร" มาเกิด ซึ่งได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ อิสรภาพในการลี้ภัย หรือ Freedom Exite ซึ่งเขียนด้วยตัวท่านเอง

จากบันทึกในหนังสือดังกล่าว เริ่มจากดาไลลามะองค์ที่ ๑๓ (สมเด็ดทุบเท็นกยัตโส) สวรรคตลงเมื่อ พ.ศ. ๑๔๗๖ ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น คือพระศพซึ่งหันพระพักตร์ไปทางทิศใต้กับหันไปทางทิศเหนือ จากนั้นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งเป็นลามะชั้นสูงได้เห็นภาพจากสมาธิขณะเพ่งลงไปในทะเลสาปศักดิ์สิทธิ์ในธิเบตตอนได้ โดยเห็นเป็นอักษรธิเบต 3 ตัว เห็นภาพวัดเป็นตึกสามชั้น มีหลังคาสีฟ้าประดับลายทอง จากนั้นปรากฏภาพทางเดินขึ้นเขาและปรากฏภาพบ้านหลังหนึ่งมีรางน้ำรูปร่างแปลกๆ หลังจากนั้นรัฐบาลธิเบตได้จัดคณะค้นหาขึ้นเพื่อค้นหาสถานที่ๆ เห็นจากแพ่งสมาธิ และอักษร 3 ตัว

การค้นหาองค์อวตารของดาไลลามะ องค์ที่ ๑๓ จึงเริ่มขึ้น ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ปรีกษากับคณะค้นหา และลงความเห็นว่าอักษรตัวแรกน่าจะหมายถึง "แคว้นอันโด" ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของธิเบต ซึ่งเป็นทิศที่พระศพหันพระพักตร์ไป จึงส่งคณะค้นหาไปตามทิศนั้น เมื่อคณะค้นหามาถึงวัดกุมบุม ซึ่งตรงกับอักษรตัวทีสอง คณะค้นหาก็เริ่มมั่นใจว่ามาถูกทาง เมื่อเห็นลักษณะของวัดกุมบุมเป็นตึกที่ ๓ ชั้น หลังคาสีฟ้าตรงกับที่เห็นในสมาธิ และสิ่งที่จะต้องค้นหาต่อไปคือบ้านหลังเล็กๆ มีรางน้ำรูปแปลกๆ ซึ่งน่าจะไม่ไกลจากวัด พวกเขาจึงเริ่มค้นหาในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงวัด จนกระทั่งมาถึงบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งมีไม้สนคดงอรูปร่างแปลกๆ ใช้ทำเป็นรางน้ำ ตรงกับที่เห็นในสมาธิทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นว่า "ดาไลลามะ องค์ที่ ๑๓" ที่จะอวตารกลับมาเกิดใหม่ คงจะเกิดในบ้านหลังนี้ หรือคงอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังนี้

บ้านหลังเล็กๆ หลังนี้คือ บ้านของ เด็กชายลาโม ทอนดุป และครอบครัว ซึ่งต่อมาเด็กชายลาโมได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าท่านคือ ดาไลลามะ องค์ที่ ๑๓ อวตารหรือกลับชาติมาเกิดนั่นเอง เมื่อคณะค้นหาได้เข้าไปในบ้านก็ไม่ได้แจ้งวัตถุประสงค์ที่แท้จริงให้คนในบ้านทราบ เพียงแต่ขอพักค้างแรมระหว่างทางสักคืนเท่านั้น หัวหน้าคณะค้นหาชื่อ คิวซัง ริมโปเช่ ซึ่งเป็นลามะชั้นสูงก็ไม่ได้แสดงตัว เพราะต้องการพิสูจน์ความจริงบางอย่างจากคนในบ้าน แต่เมื่อคณะค้นหาเข้ามาในบ้าน เด็กชายลาโมเห็นเขากลับจำเขาได้ และเรียว่า ลามะจากวัดเซร่า ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะท่านลามะคิวซังมาจากวัดเซร่าจริง

หลังจากนั้นอีก ๒-๓ วัน คณะค้นหาก็กลับมาพิสูจน์อีกครั้ง คราวนี้มาอย่างเป็นทางการ และได้นำสิ่งของเครื่องใช้หลายอย่างมาด้วย ในจำนวนนั้นมีสิ่งของเครื่องใช้ของอดีตดาไลลามะองค์ที่ ๑๓ รวมอยู่ด้วยกันปนเปกันมา เพื่อพิสูจน์การอวตาร หรือการระลึกชาติของเด็กชายลาโมทอนดุป การพิสูจน์ได้เริ่มต้นขึ้น ตอนนั้นเด็กชายลาโมอายุเพียง ๓ ขวบ สามารถเลือกสิ่งของเครื่องใช้ที่เป็นของอดีตดาไลลามะได้อย่างถูกต้องทั้งหมด ทั้งบอกด้วยว่า 'ของๆ ฉัน' ทำให้คณะค้นหามั่นใจว่าท่านคือ อดีตดาไลลามะ องค์ที่ 13 ได้อวตารกลับชาติมาเกิดเป็นเด็กลาโม ทอนดุป เพื่อปฏิบัติกิจตามเจนตนารมณ์เพื่อประโยชน์สุขของธิเบต เฉกเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ ผู้บรรลุพุทธภฺมิแล้ว เพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ในโลกเป็นอิสระจากสังสารวัฏหมดสิ้นแล้วจึงบรรลุนิพพาน

ดาไลมามะ องค์ที่ ๑๔ ทรงเล่าเรื่องการจำอดีตชาติของท่านไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของท่านไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของท่านว่า ปัจจุบันท่านจำเรื่องราวในอดีตของท่านไม่ค่อยได้แล้ว เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะท่านยังเด็กมาก เท่าที่พอจำได้เป็นเรื่องราวที่มารดาของท่านเล่าให้ฟังตอนที่ท่านโตแล้ว และท่านเชื่อว่าเหตุที่ทำให้ท่านลืมเรื่องราวในอดีตชาตินั้นมีสาเหตุมาจากท่านแอบกินไข่..ซึ่งชาวธิเบตโบราณเชื่อว่าคนที่จำอดีตชาติได้ หากกินไข่เข้าไปจะทำให้ลืมเรื่องราวในอดีตชาติ

ปัจจุบัน 'องค์ดาไลลามะ' หรือเด็กชายลาโม ทอนดุป ในอดีตได้ลี้ภัยอยู่ในประเทศอินเดีย และยังเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่ชาวธิบเบตให้ความเคารพสูงสุด และยังคงต่อสู้เพื่ออิสรภาพของประชาชนชาวธิเบตต่อไป

นิรนามไตรภูมิ คือตำนานอักขระภาษาโบราณแห่งจักรวาล บันทึกผ่านพระเครื่อง-เครื่องรางไว้เพื่อเป็นสรรพวิชาของจักรวาล
ด้านอาจารย์ใหญ่ นิรนามไตรภูมิ ได้เล่าว่าท่านได้บำเพ็ญเพียรมาหลายภพ หลายชาติ ทำให้เกิดตัวรู้ถึงสรรพวิชาแขนงต่างๆ โดยไม่ต้องเรียนจากครูบาอาจารย์องค์ใด เวลากำหนดจิตเมื่อเชื่อมสภาวะจิตระหว่างพระเวทย์กับพระธรรมก็จะเกิดตัวรู้ ซึ่งเกิดมาจากบารมีเดิมที่สะสมมาจากอดีตชาติผุดขึ้นมาในจิต เป็นสภาวะจิตนึกอยากรู้เรื่องของพระเวทย์เกี่ยวกับอักขระ อักขระก็จะผุดขึ้นมาเป็นภาษาโบราณ ทั้งบาลี สันสกฤต เทวนาครี กูโบ๊ต และอีกมากมายหลายภาษาโบราณ รวมทั้งภาษาของจักรวาลที่ท่านได้บันทึกไว้เพื่อให้เป็นสรรพวิชาของจักรวาล ทำให้ท่านแสดงอิทธิวิธีได้มากมาย อาทิ การเป่าแผ่นทองเข้าที่หน้าผากโดยไม่ต้องจับแผ่นทองเลย ท่านสามารารถเป่าได้ครั้งละนับร้อยแผ่น การเรียกพระทองคำขึ้นมาจากแม่น้ำโขงต่อหน้าสายตาคนนับร้อย การใช้วิชาตาที่สาม ตรวจดูทรัพย์ของแผ่นดิน และอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ไม่สามารถอธิบายได้ เวลาท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดมากมายจากรูปภาพที่ลูกศิษย์บันทึกไว้ทุกครั้งที่มีพิธี อันเป็นสิ่งยืนยันถึงบารมีธรรม และทิพยอำนาจที่มีอยู่ในตัวท่าน

มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชาติ สะสมวิบากกกรมทั้งกรรมดี กรรมชั่วมามากมายนับไม่ถ้วน เมื่อตายไปก็ไปเกิดใหม่ตามวาระกรรม แต่สำหรับนักปฏิบัติแล้ว การตายก็การทิ้งกองสังขารที่เป็นกฏของพระไตรลักษณ์เท่านั้นเมื่อมาจุติใหม่แล้วปฏิบัติธรรมใหม่จนบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิฐาณหรือการดับเข้าสู่นิพพานตามสัจจะบารมีที่ตั้งไว้ดังเช่น องค์ดาไลลามะองค์ ปัจจุบัน และวันหนึ่งท่านอาจารย์ใหญ่นิรนามไตรภูมิก็ได้พยกับท่าน และได้สนทนาธรรมกับท่านอย่างสนิทสนมเหมือนกับทั้งคู่ได้เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งที่เขาทั้งสองคนนั้นไม่เคยพบ หรือรู้จักกันมาก่อนแต่อย่างใด

หลวงพ่อคูณ ไม่ต้องเสกแล้ววววว
หากเอ่ยชื่อของ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เทพเจ้าแห่งบ้านไร่ที่มีวัตรปฏิบัติแนวทางพระโพธิสัตว์ ด้วยบารมีธรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวามเมตตา ผู้คนนับหมื่นนับแสนหลังไหลไปขอบารมีจากท่าน ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีในช่วงที่ท่านังสุขภาพแข็งแรง หลวงพ่อคูณจะเคาะศีรษะให้ผู้ที่โชคดี ต่อมาด้วยความเมตตาที่ท่านต้องตรากตรำรับแขก ทำให้ท่านอาพาธ และต้องอยู่ความดูแลอย่างใกล้ขิดจากคณะแพทย์ และลูกศิษย์จนถึงวันนี้..

บันทึกเรื่องราวระหว่างหลวงพ่อคูณ และอาจารย์ใหญ่ นิรนามไตรภูมินั้นจะมีความว่าอย่างไร เหตุใดหลวงพ่อคูณ บอกไม่ต้องเสกแล้ว ก็คงต้องบอกกล่าวท่านกันอีกครั้งปีหน้า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ 2555 โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...

ข่าวดี! พี่-น้องชาวเมืองเสน่ห์กาหลงที่รักคะ เมืองเสน่ห์กาหลงขอจัดโปรแกรม สดุ้งรับโชคต้อนรับปี 2555 ด้วยการแจกฟรี พระผงเจ้าแม่กวนอิม จำนวน 55 องค์..แด่ผู้ศรัทธาท่านอาจารย์ใหญ่ หรืออาจารย์หม่อมของเราค่ะ (ท่านใดที่ได้รับในกระทู้ของลุงจัยแล้ว ก็ถือว่าลุงจัยได้มอบโชคให้ไปแล้ว..ส่วนใครจะเป็นผู้โชคดีนั้น..จะคัดแจกกันดีกว่าค่ะ ตอบแทนความหวังดีที่เป็นแฟนพันธ์แท้เมืองเสน่ห์กาหลงมาเนิ่มนาน...สดุ้งรับโชคงานนี้ ขอคัดแจกแล้วประกาศให้ทราบต่อไปค่ะ! ส่วนท่านใดที่ได้โชคหมายเลขทรงพระเจริญทั้งแม่ยั่วเมือง และผ้ายันต์พระนเรศวร รออีกหน่อยนะคะ ช่วงนี้ธุรกิจรัดตัวจัง!

ความเดิมเมื่อ 2 ตอนที่แล้ว...
เผยประวัติอาจารย์หม่อม พุทธิโพธิสัตว์ นิรนามไตรภูมิ.. ตอนที่ 1
นิรนามไตรภูมิ แกล้งบ้าเสียสติ..เผยประวัติอาจารย์หม่อม ตอนที่ 2
special thanks for Lokleelab Magazine ขอบคุณข้อความบางตอนนิตยสารโลกลี้ลับ และนักเขียน
rewrite by cho khalong เขียนใหม่โดย โชว กาหลง
khalong.com

อ่านจบแล้ว  รอท่อนต่อไปจร้า.....

ตอบกลับ 2# kaineverdie

น้าไก่ แฟนพันธ์แท้..

รอติดตามด้วยคน

อ.หม่อม สวดยวดดด ไปเรยครับ

รออ่านเหมือนเดิมจ๊ะ

สดับ... รับฟัง... ^^

เกี่ยวข้องกันอย่างไรหนอเนี่ย ยิ่งคิดยิ่งอยากอ่าน

รออ่านด้วยความศรัทธาครับ...บนโลกใบนี้มีครูบาอาจารย์มากมาย แต่อาจารย์หม่อมนี้ถือว่าเป็นสุดยอดครับ ฟ้ารู้ ดินรู้ ท่านเจนจบทั้ง3ภพก็ว่าได้.....หากมีวาสนาผมขออธิฐานอยากกราบแทบเท้าอาจารย์หม่อมสักครั้ง ก็ถือว่าเป็นบุญของผมแล้วครับ....

กำลังนั่งลุ้น อ่านต่ออยู่เลยครับ...

รออ่านด้วยความศรัทธาครับ...บนโลกใบนี้มีครูบาอาจารย์ ...
ต้นฉบับโพสโดย wawatep เมื่อ 14-12-2011 10:29

                               
สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่

- ขออนุโมทนา...

ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่นำเรื่องอ.หม่อมมาเผยแพร่ครับ
มารออ่านตอนต่อไปครับ...

หลวงพ่อคูณ ไม่ต้องเสกแล้ววววว

อยากอ่านต่อ!!!!

ยิ่งได้ทราบประวัติ ยิ่งศรัทธาท่านอ.หม่อมมากขึ้น