เมืองเสน่ห์กาหลง มหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม
Khalong Amulet
10250
39
ซ่อนแถบด้านข้าง

เปิดตัวเกจิครูบาสายล้านนาระดับประเทศก็ว่าได้

[คัดลอกลิงก์]
wongrad โพสต์เมื่อ 14-9-2011 19:36 | แสดงโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขล่าสุด wongrad เมื่อ 14-9-2011 19:39

ครูบาคำ สีลสํวโร


                                                                              DSC02959.JPG รายการที่สมทบทำบุญที่จะสร้างอุโบสถเพื่อสืบต่อเจตนารมณ์ของครูบาที่ยังไม่ได้สร้างจนท่านมรณะภาพไปมีดังต่อไปนี้
1.ผ้ายันต์นกยุงทอง,จิ๊กจกคาบหาง  ครูบาท่านได้เขียนเองกับมือทั้งหมด ยังมีอยู่ไมามากเพราะไปค้นเจอที่ตู้พระคาถา ราคา 99 บาท
2.พระอุปคุตบัวเข็ม    สมัยครูบาท่านยังอยู่ ราคา 789 บาท เหลืออยู่ 2 องค์
3.ยันต์หนีบ สมัยครูบาท่านยังอยู่   ราคา 559 บาท
4.รายการอื่นๆ ค่อยมาเอาลงอีกทีหลัง
DSC02973.JPG DSC02972.JPG DSC02974.JPG DSC02966.JPG DSC02969.JPG DSC02967.JPG DSC02965.JPG DSC02963.JPG DSC02979.JPG DSC02975.JPG DSC02976.JPG DSC02982.JPG DSC02981.JPG DSC02980.JPG DSC02983.JPG DSC02984.JPG DSC02985.JPG DSC02986.JPG DSC02988.JPG DSC02987.JPG


ประวัติ

พระครูบาคำ สีลสํวโร

เดิมชื่อดวงคำ วงศ์ษร เกิดวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2458 ตรงกับวันศุกร์ เดือน 7 แรม 4 ค่ำปีเถาะ ณ บ้านร้อง หมู่ที่ 6 ต.ทุ่งสะโตก อ.บ้านแม (ปัจจุบันเป็นอ.สันป่าตอง)จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรนาย ปุ๊ด นางหมู วงศ์ษร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน3 คน

1.นางบัวแก้ว     วงศ์ษร (เสียชีวิต)

2.พระครูบาคำสีลสํวโร (เจ้าของประวัติ)

3.พ่อน้อยต๋า    วงศ์ษร (เสียชีวิต)

บรรพชา เด็กชายดวงคำ   วงศ์ษรได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันอังคารที่ 13 มีนาคม 2475 ตรงกับเดือน 6 เหนือ ขึ้น 7ค่ำ ปีมะแม ที่วัดปราสาท ต.ทุ่งสะโตกอ.บ้านแม (ปัจจุบันเป็นอ.สันป่าตอง) จังหวัดเชียงใหม่ อายุ 16 ปีมีเจ้าอธิการโสภาวัดท่าจำปี ต.ทุ่งสะโตก เป็นพระอุปัชฌาย์ สามเณรดวงคำ วงศ์ษรได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมวินัยและสมารถเล่าเรียนเขียนอ่านเทศน์คัมภีร์อักษรล้านนาได้เป็นอย่างดี

อุปสมบท เมื่ออายุได้ 22 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2480 ตรงกับเดือน 9 เหนือ ขึ้น 8 ค่ำ ปีฉลู ที่วัดปราสาทมีเจ้าอธิการโสภา วัดท่าจำปี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระจันธิมาวัดทุ่งเกี๋ยงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระจู วัดศรีนวรัฐ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อคราวสร้างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพโดยมีพระครูบาเจ้าศรีวิไชย เป็นองค์ประธานแม่ทัพ พระสงฆ์คณาจารย์ เณร บ้านร้องต.ทุ่งสะโตก ส่วนมากจะให้การร่วมมือ ด้วยศรัทธาจากใจจริงและสามเณรดวงคำ วงศ์ษร(ก่อนอุปสมบท) ก็ได้มีส่วนร่วมด้วย เมื่อมีเวลาว่างเว้นจากงาน ก็มักจะหาโอกาสฟังธรรมการสั่งสอนจากครูบาเจ้าศรีวิไชยด้วยความเมตตา


หลังจากงานสร้างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพแล้วเสร็จพระครูบาคำ ท่านต้องกลับวัดปราสาทเพื่อช่วยงานภายในวัดเมื่อวัยหนุ่มท่านมีความกระตือลือล้นมากเรื่องการศึกษาพระธรรม ทั้งอักษรไทยและล้านนาจากคัมภีร์และยังได้ปฏิบัติบำเพ็ญสมณธรรมอย่างเคร่งครัดอีกทั้งยังได้รับการถ่ายทอดวิชาเรืองเวทย์คาถาอาคมจาก พระเจ้าอธิการโสภาวัดท่าจำปี พระครูจันธิมา วัดทุ่งเกี๋ยงและหากมีโอกาสท่านมักจะไปเยี่ยมเยียนขอสนทนาธรรมและวิชาเวทย์จากรุ่นพี่พระครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ครูบาอิน วัดฟ่าหรั่ง ครูบาบุญปั๋นวัดร้องขุ้ม ครูบาดวงวัดกู่ลายมือ ครูบากองคำ วัดดอนเปา จนอุดมวิชาและยังได้หาโอกาสแลกเปลี่ยสนทนาธรรมวิชาเวทย์ กับพระสหายทางธรรมอีกด้วยกับครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อนครูบาจันทร์แก้ว วัดศรีสว่าง ครูบาชุ่ม วัดป่าลาน(หางดง) ครูบาเผือก วัดไชยสถาน(หางด)ในยุคนั้นครูบาเผือก ท่านมีความรู้มากเรียนเก่ง ขณะนั้นมีอายุ 23 ปีและต่อมายังรุ่งเรืองเวทย์คาถา ครูบาคำ สีลสํวโร ท่านอุดมด้วยเมตตาธรรมมีตยะวาจา(พูดดี) พระคณาจารย์รุ่นพี่จึงเมตตา พระสหายธรรม รุ่นน้องก็ล้วนศรัทธาท่านอีกทั้งชาวบ้านใกล้ไกล


ในปีพ.ศ.2491 ทางวัดดอนปินได้ว่างเว้นเจ้าอาวาสชาวบ้านต่างได้ลงความเห็นมีใจตรงกันด้วยความศรัทธาในองค์ท่านโดยแท้ จึงขออาราธนานิมนต์ จากวัดปราสาทมาเป็นเจ้าอาวาส ณวัดดอนปิน จนถึง 28 มกราคม 2543 วัดดอนปิน ได้ก่อตั้ง พ.ศ.2430 ถึงพ.ศ.2543โดยมีเจ้าอาวาสกรครองทั้งหมด 5 รูป คือ

รูปที่1 พระอุปเสน เป็นผู้ก่อตั้งวัด จนถึง พ.ศ.2468

รูปที่2 พระญาณะ ในปี พ.ศ.2469 ถึง 2479

รูปที่3 พระต๋า ในปี พ.ศ.2479 ถึง 2484

รูปที่4 พระตา ในปี พ.ศ. 2494 ถึง 2491

รูปที่5 พระครูบาคำ สีลสํวโร ในปี พ.ศ.2491 ถึง 2543 จนถึงปัจจุบันได้ 63 พรรษา อายุ 85ปี

วัดดอนปินสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ประมาณทั้งหมด 3 ไร่ 57 ตารางวาระหว่างที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้พัฒนาจนวัดเจริญสวยงาม สร้างถาวรวัตถุมาก เช่นสร้างวิหาร สร้างกุฏิ ศาลา กำแพงรอบวัด ศาลาการเปรียญสร้างสาธารณะประโยชน์แก่ส่วนรวมไว้มากมาย ส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุสามเณรมาโดยตลอด ต่อมาได้สร้างโรงเรียนวัดดอนปินต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการศึกษา และอุปการะ กรรมการสอบธรรมสนามหลวงทุกๆปีพ.ศ.2510 ถึง 2539 เป็นผู้อบรมศีลธรรมร่วมกับอำเภอด้านศึกษาธิการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนทุกๆปีและอบรมศีลธรรม จริยธรรม แก่สามเณรศรัทธาประชาชนกลุ่มต่าง ๆ จนแพร่ขยายกว้างขวางขจรไกลอีกทั้งได้รับเป็นที่ปรึกษาไปอีกหลายอำเภอท่านยังได้เมตตาจุนเจือผู้ยากไร้และเด็กยากจนให้ได้รับการศึกษา ด้านสาธารณะกุศลท่านยินดีด้วยเมตตาอีกทั้งยังอยู่เบื้องหลังจารแผ่นลงคาถา 108 เพื่อนำไปสร้างวัตถุมงคลและอธิฐานจิตท่านเป็นพระเกจิ คณาจารย์อีกรูปหนึ่งในประเทศไทยที่เชี่ยวชาญเรื่องเวทย์คาถาอาคมมนต์ขลังและท่านยังได้รับนิมนต์ร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่เป็นประจำในเชียงใหม่ ลำพูนอีกทั้งต่างถิ่นเมืองอื่นและท่านยังขึ้นชื่อเชี่ยวชาญการประกอบพิธี การกินอ้อผะหญา(อ้อแห่งปัญญา)แบบโบราณพิธี ด้านวัตถุมงคลและเครื่องรางสร้างไว้น้อยมากแต่ขึ้นชื่อมากก็ตะกรุดจำปา 4 ต้น ตะกรุดยันต์ 108และเหรียญสร้างไว้ 2 รุ่น รูปอาร์ม พ.ศ.2534 รุ่นสอง พ.ศ.2540 สำหรับเหรียญรุ่นแรกมีพระเกจิคณาจารย์ร่วมปลุกเสกจำนวนมาก แต่พอจะรวบรวมรายชื่อแต่ล่ะคณาจารย์ดังต่อไปนี้

1.พระครูบาดวงดี   สุภัทโท วัดท่าจำปี

2.พระครูบาดวง   ฐิตวโร  วัดกู่ลายมือ

3.พระครูบาเขียวสนฺมโก วัดแสนปันทา

4.พระครูบาปันปภังทโร  วัดป่าแดด

5.พระครูบาจันทร์   วัดต้นกอก

6.พระครูบาแก้ว   จันโท   วัดปราสาท

7.พระครูบาใบ  วัดสารภี

8.พระครูบาสม  วัดทุ่งเกี๋ยง

และพระเกจิคณาจารย์อีกหลายรูปที่มิได้เอ่ยนามอีกทั้งยังได้อธิฐานจิตให้เป็นกรณีพิเศษอีก จากเกจิคณาจารย์รุ่นพี่พระครูบาอินวัดฟ้าหรั่ง พระครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม พระครูบาตั๋น สำนักม่อนปู่อิ่นส่วนด้านหลังของเหรียญ เป็นพระคาถา แก้ไขวิกฤตการ ยามจนตรอกจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาโดยการระลึกถึงท่านด้วยความศรัทธาจริง แล้วให้ท่องคาถาว่า กัณหะ เณหะปัจจุบันเหรียญรุ่นแรกของท่าน ชาววงการพระเครื่องเริ่มตื่นตัวแสวงหาเก็บกันแล้วราคายังไม่แพง การหมุนยังพอคล่อง แต่เริ่มได้เห็นน้อยกว่าปีก่อนเพราะผู้เก็บไว้ไม่ค่อยจะปล่อยออกมามากนักด้านประสบการณ์เด่นเป็นที่ประจักษ์แน่นอน ปลอดภัย แคล้วคลาด ส่วนมากจะเป็นทางรถ เมื่อต้นปี พ.ศ.2552ก็มีรถพลิกหลายตลบที่ชัยนาท ทะเบียนรถเชียงใหม่ ขาลงเข้ากรุงเทพฯคนขับแขวนเหรียญของท่านแต่ปลอดภัยทั้งคัน 4 คน เซียนส่วนกลางรู้ข่าวขึ้นมาเชียงใหม่กว้านไปร้อยกว่าเหรียญ โดยผ่านเซียนแถบประตูเชียงใหม่จึงมีส่วนทำให้เหรียญหมุนเวียนเหลือน้อยลงและที่หน้าจอเน็ตได้ตั้งราคาสูงพอดูมาวันนี้เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง นักสะสม เซียนเชียงใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับวัตถุมงคล เหรียญ เครื่องรางจากพระเกจิคณาจารย์จังหวัดเชียงใหม่มากกว่าที่ผ่านมาชนิดมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พระครูบาคำ ท่านมีฐานธรรมโดยแท้ มีจิตเมตตาเป็นกุศลโอบอ้อมอารีย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ชอบช่วยเหลือญาติโยมที่มีความเดือดร้อนและงานการกุศล ราชการช่วยพัฒนาสร้างสาธารณะประโยชน์ถาวรวัตถุให้กับส่วนรวมไว้มากมาย จนโครงการที่ท่านเคยคิดไว้สร้าอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดดอนปินต้องมีเหตุผมล่าช้าออกไปอยู่บ่อยๆอีกทั้งมาระยะหลังๆนี้สังขารท่านได้เริ่มอ่อนแอลง ตามลำดับ การเข้าออกโรงพยาบาลก็เริ่มบ่อยครั้งจนถึงวันที่ 26 มกราคม 2543 ที่โรงพยาบาลแม็คคอร์มิคอาการทรุดหนักมากไม่ดีขึ้นเลยหมอจึงอนุญาตให้มาพักอยู่ที่วัดได้ 3 วัน 26 28 มกราคม 2543 เวลา 21.00 น. ท่านจึงได้ถึงกาลมรณภาพ โดยวางร่างสมาธิอย่างสงบนิ่งด้วยโรคปอดและไต ณ สถานที่วัดดอนปิน รวมสิริอายุได้ 84 ปี


    อยู่ในสมณเพศสามเณร    6 พรรษา

อยู่ในสมณเพศพระภิกษุ  63 พรรษา

ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส   51 ปี

ดำรงตำแหน่งพระครูชั้นประทวน 21 ปี

รวมสิริอายุ84 ปี 9 เดือน 23 วัน 21 ชั่วโมง ศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไปล้วนเศร้าสลดใจและอาลัยยิ่งท่านเป็นผู้มั่นคงในสมณธรรม เป็นปูชนียบุคคลที่ได้รับความเคารพสัการะแก่สาธุชนเป็นอย่างยิ่งคณะศรัทธาแระชาชนและศิษย์ยานุศิษย์ก้ได้เก็บศพท่านไว้บำเพ็ญกุศลเป็นเวลานานพอสมควร ดังนั้นคณะสงฆ์ข้าราชการและคณะศรัทธาประชาชนได้ประชุมหารือกัน ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้บำเพ็ญกุศลพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 18 มีนาคม 2544

(ปล.ยังมีเพิ่มเติมอีก..จะเอามาลงเพิ่มทีหลังเด้อครับ)

DSC02971.JPG
ตัวเลขทั้ง 7 ในเบอร์มือถือ สามารถบ่งบอกนิสัยตัวตนของผู้ใช้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่ารอให้ชีวิตคุณดีก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเลขมือถือให้ดี คุณต้องเปลี่ยนเลขดีก่อน ชีวิตคุณถึงจะดี!! ตัวเลขเสียๆ มักดึงดูดพลังงานเสียๆ เข้ามาทำให้เราผิดหวังในชีวิต ตรงกันข้าม ตัวเลขดีๆ มักดึงดูดพลังงานด้านดีๆ เข้ามาในชีวิต ผนวกกับบุญกรรมเก่าของแต่ละคนว่าจะไปสุดที่ตรงไหน เลขบางตัวเหมาะกับคนหนึ่ง แต่เป็นเลขเสียกับอีกคนหนึ่ง ศาสตร์พลังงานเลขมือถือ บางส่วนอิงจากโหราศาสตร์ไทย บางส่วนมาจากการเก็บสถิติ ศาสตร์เลขมือถือต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ในการวางตัวเลขมือถือให้เหมาะสม หลายคนเมื่อทราบผลการวิเคราะห์เบอร์มือถือของตนแล้วว่า ดี ร้าย อย่างไร แต่ยังพร้อมยอมทนใช้อยู่ ไม่รู้ทำไม เหตุผลง่ายนิดเดียว "เพราะทุกคนมีกรรมเป็นของตน" เมื่อถึงเวลา ฟ้าจะเปิดทางให้ท่านเปิดใจรับเรื่องมงคลดีๆ เข้ามาเสริมความรุ่งเรืองชีวิตท่านเอง จงจำไว้ ดวงคนเลือกเบอร์มาใช้เอง เบอร์ใครเบอร์มัน ไม่ซ้ำกัน หากท่านศรัทธาในศาสตร์พลังตัวเลขแล้ว ขออย่าลังเล หรือสงสัย อย่ารีรอทนใช้เบอร์เสียๆ เพื่อดึงดูดเรื่องร้ายๆ มารอเพื่อส่งผลแล้วค่อยเปลี่ยนเบอร์มือถือ วันนี้ คุณมีทางเลือกใช้ชีวิตแบบติดเทอร์โบได้ มัวช้าอยู่ทำไม? บริการวิเคราะห์เบอร์มือถือ วางเลขมงคล เรื่องการงาน การเงิน ความรัก โทร 09ุ ุ42282289 LINE ID: cholvibul
 เจ้าของ| wongrad โพสต์เมื่อ 14-9-2011 19:41 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขล่าสุด wongrad เมื่อ 14-9-2011 19:43

ท่านใดสนใจโอนเงินมาที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่เลขที่บัญชี 821-24311-2-6
กิตติพล   วงศ์ราษฎร์
โทร.081-8998625

ตำนานพระอุปคุต ( พระบัวเข็ม )

พระบัวเข็มหรือ เป็นที่รู้จักในนาม พระอุปคุต เพื่อความถูกต้องในทางการศึกษาก่อนอื่นผมจะบรรยายถึงที่มาที่ไปของพระอุปคุต เพราะในวงการสะสมพระเครื่องพระอุปคุตรู้จักกันมากและเป็นที่เป็นที่นิยม สักการบูชาโดยฉะเพราะคตินิยมการสร้างพระอุปคุตนั้นมีแพร่หลายในประเทศพม่า มอญ ล้านนา และในภาคเหนือของประเทศไทย ว่าแล้วผมขอเข้าเรื่องเลย
เชื่อกันตามประวัติกล่าวว่าท่านเป็นบุตรของเศรษฐีของเมืองมถุรา ริมฝั่งแม่น้ำยมนาเกิดหลังพระพุทธองค์ปรินิพานแล้ว ๒๐๐ ปีแต่เนื่องจากบิดาได้เคยสัญญาก่อนที่จะมีบุตรต่อพระสาณวารีว่าหากมีบุตรชายจะให้ออกบวช จนกระทั้งได้บุตรชาย ( พระอุปคุต ) เมื่อถึงอายุบวชท่านก็ได้ออกบวชหลังจากออกบวชในบวรพระพุทธศาสนาพระอุปคุตได้บำเพ็ญธรรมตามรอยพระพุทธองค์และได้บำเพ็ญอยู่ใต้ท้องทะเล หรือสะดือทะเลจากนั้นไม่นานในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ในครั้งนั้นพุทธศาสนาเสื่อมถอยลงเนื่องจาก มีกลุ่มชาวบ้านแฝงมาอาศัยผ้าเหลืองหากินทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่เสื่อมศรัทธาในพระศาสนาในครั้งนั้นพระเจ้าอโศกมหาราช พระราชดำรัสที่จะชำระพระพุทธศาสนาให้บริสุทธิ์ ตามเจตนารมณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วางการดำเนินแนวทางไว้ให้จึงทรงสร้างพระสถูปเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 84,000 องค์ ครั้นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเรียบร้อยแล้ว ทรงมีพระราชประสงค์จะจัดการฉลองสมโภชองค์พระมหาเจดีย์ให้สมพระราชศรัทธา โดยจะจัดฉลองเป็นเวลาถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ทรงเห็นว่า งานสมโภชพระมหาธาตุนี้เป็นงานใหญ่เกรงว่า จะมีอันตรายและมีปัญหาต่างๆพระองค์ทรงขอให้คณะสงฆ์หาทางช่วยป้องกันเหตุต่างๆโดยขอให้คัดเลือกพระเถระผู้สามารถมาช่วยป้องกันภัยอันตรายเมือพระเถระเข้าญาณพิจารณา ก็ทราบด้วยญาณของตนว่า เนื่องในงานสมโภชพระมหาเจดีย์ครั้งนี้ภัยจะเกิดขึ้นต่างก็หาวิธีแก้ไขต่างๆ จึงได้ทำการปรึกษากับคณะสงฆ์ พระสงฆ์ทั้งปวงจึงกล่าวว่า“พระอุปคุตที่จำศีลอยู่กลางสะดือทะเล เป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์มากสามารถเนรมิตครอบแก้วคลุมตนไว้ควรที่มหาบพิตรจะไปอารธนามาดูแลละป้องกันภัยต่างๆที่จะเกิดขึ้น”พระองค์ทรงทราบความจึงขอให้คณะสงฆ์ ไปทำการอารธนาพระเถระทั้งหลายจึงให้พระภิกษุหนุ่ม 2 รูป ผู้ทรงอภิญญาสมาบัติไปอาราธนาพระอุปคุต( ชื่อเต็มว่า พระกีสนาคอุปคุตมหาเถระ ) มาสู่ที่ประชุม พระภิกษุ 2 รูปนั้น จึงเข้าญานสมาบัติระเบิดน้ำลงไปหาท่านพระอุปคุตแล้วแจ้งให้ทราบว่า“บัดนี้คณะสงฆ์ทั้งหลายมีเถรบัญชาให้ข้าพเจ้าทั้งสองมาอาราธนาพระคุณท่านไปร่วมการประชุมเพื่อปรึกษางานพระพุทธศาสนา”พระอุปคุตเถระทราบสังฆบัญชาเช่นนั้นคิดว่าจะต้องไปร่วมการประชุมในครั้งนี้ จะขัดคณะสงฆ์ไม่ได้ต้องเคารพอำนาจแห่งหมู่สงฆ์ และงานนี้ก็เป็นงานพระพุทธศาสนา จากนั้นพระอุปคุตเถระจึงบอกภิกษุ2 รูปนั้นว่า  “ท่านจงกลับไปก่อนเถิดเราจะตามไปทีหลัง”  พระภิกษุหนุ่ม 2 รูปนั้นกราบลาเดินทางล่วงหน้ามาก่อน พระอุปคุตจึงเข้าญาณสมาบัติมาถึงสำนักพระเถรานุเถระทั้งหลายก่อนภิกษุหนุ่ม 2 รูป พระสังฆ์เถระประชุมสงฆ์จึงกล่าวแก่พระอุปคุตว่า  “คณะสงฆ์จะลงทัณฑกรรมแก่ท่าน เพราะความผิดที่ท่านไม่มาร่วมสังฆ์กรรม ทำอุโบสถ ฟังพระปาฏิโมกข์ร่วมกับคณะสงฆ์  “พระอุปคุตจึงกล่าวว่าข้าพเจ้ายินดีรับทัณฑกรรมที่คณะสงฆ์จะลงโทษ” พระสังฆ์เถระในที่ประชุมสงฆ์แล้วว่า“บัดนี้พระยาศรีธรรมาโศกราช ทรงปรารถนาจะทำการสมโภชพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุ84,000 องค์ ที่ทรงสร้างไว้ในชมพูทวีปทั้งหมด ต้องใช้เวลาถึง7 ปี 7 เดือน 7 วันให้สมพระราชศรัทธา แต่เกรงว่าการสมโภชนั้นจะไม่พ้นภัย เกรงพญามารจะขัดขวางทำลายไม่ให้พระราชพิธีสมโภชนั้นดำเนินไปด้วยดีพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ตรัสให้คณะสงฆ์ช่วยป้องกัน พระอุปคุต จึงถาม “พระคุณเจ้าทั้งหลายแจ้งมาว่า จะให้ข้าพเจ้าทำประการใด” พวกเราไม่มีใครสามารถจะช่วยได้ เห็นแต่ท่านผู้เดียวเท่า พระอุปคุตจึง ก้มลงกราบแล้วกล่าวว่า“ข้าพเจ้ายินดียอมรับทัณฑกรรม” เมื่อได้ผู้ป้องกันภัยอันตรายในการบำเพ็ญกุศลแล้วคณะสงฆ์ โดยมี พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ เป็นประธาน จึงถวายพระพรให้พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ๆ ทรงโสมนัสยิ่งนัก นั้นอีกแล้วมาเพื้อป้องกันภัยในครั้งนั้น จากนั้นข่าวการสมโภชพระมหาธาตุก็ได้กระจายไปทั้วครั้งต่อมาพระองค์ทอดพระเนตรเห็นองค์พระอุปคุตมหาเถระแล้วก็หนักพระทัย เพราะท่านมีร่างกายผ่ายผอมและทรงเล็กมากพระองค์จึงทดสอบโดยเมื้อครั้นรุ่งเช้าทอดพระเนตรเห็นพระอุปคุตเดินไปบิณฑบาตทรงมีพระราชบัญชาสั่งให้พนักงานเลี้ยงช้างปล่อยช้างตกมันไล่พระอุปคุตเพื่อทดสอบ พระอุปคุตมหา เถระเห็นช้างวิ่งไล่มาข้างหลังจึงเข้าญาณสมาบัติอธิษฐานจิตให้ช้างตัวนั้นแข็งประดุจหิน ไม่อาจขยับเขยื้อนได้ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้นจึงทรงขอขมาและทรงพอพระทัยยิ่งนัก เกิดความเคารพนับถือพระมหาเถระอุปคุตเป็นอันมาก ครั้นได้มงคลฤกษ์จึงเริ่มบุญพิธีสมโภชพระมหาเจดีย์ตามพระราชประสงค์ครั้งพญามารรู้ข่าวจึงคิดจะหยุดงานสมโภช ตำนานกล่าวว่า พญามาร หรือ พญาวัสวดีมาราธิราชซึ่งเป็นตนเดียวกับที่ขัดขวางพระพุทธองค์ครั้งบำเพ็ญเพียรก่อนที่จะตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ คิดจะทำลายพิธีนั้นจึงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้บังเกิดมหาวาตพายุอย่างร้ายแรง มีกำลังพัดมาประหนึ่งจะถล่มแผ่นดินให้ทลายพระอุปคุตเถระเห็นอากาศวิปริตอย่างนั้นทราบชัดด้วยญาณอันประเสริฐของท่าน ว่า บัดนี้พญามารมาทำลายแล้วท่านจึงเข้าญาณสมาบัติโดยพลัน อธิษฐานให้เกิดเป็นลมเหมือนกันแต่ลมของพญามารก็พ่ายแพ้ พญามารก็แผลงฤทธิ์ใหม่ เป็นลมกรด เป็นเพลิง เป็นทรายเพลิงเร่าร้อนด้วยไฟ และประการอื่นอีกหลายอย่างเพื้อทำลายพิธีฉลองสมโภชองค์พระมหาเจดีย์จนพญามารเกิดโทสะแรงกล้าพยายามจะทำลายล้างพระมหาเถระ จึงปรากฏตัวเป็นพญามารเข้าไปทำร้ายพระอุปคุตมหาเถระเห็นว่า พญามารตนนี้มีแต่ความดุร้ายคอยทำลายแต่บุญกุศลต่างๆในบวรพระพุทธศาสนารวมทั้งไม่มีความสำนึกในบาปต่างๆ จนพระอุปคุตได้เนรมิตสุนัขตายเน่าตัวหนึ่งมีน้ำหนองและหนอนไชออกมาแขวนคอพญามารไว้แล้วอธิษฐานไม่ใครถอดออกได้พญามารจึงซมซานไปหาท้าวโลกบาลทั้ง 4 ขอร้องให้ช่วยแก้สุนัขเน่าออกจากคอท้าวจตุมหาราชบอกว่า แก้ไม่ได้ พญามารจึงไปหาเทวดาองค์อื่น ๆ จนถึงท้าวมหาพรหม ๆ ก็ไม่สามารถจะช่วยแก้ได้ท้าวมหาพรหมจึงพูดว่า “เราก็ช่วยท่านไม่ได้ ต้องลงไปขอขมาท่านพระอุปคุตมหาเถระแล้วอ้อนวอนให้ท่านช่วยแก้” ดังนั้นพญามารจึงรำพันขึ้นว่า“พระรูปนี้เป็นเพียงสาวกของพระพุทธองค์เท่านั้นแต่ยังอวดดีมาทำร้ายเราได้พระพุทธองค์ยังดีกว่าพระรูปนี้หลายเท่านัก ครั้งพระองค์ทรงตรัสรู้ ว่าเราจะทำร้ายเราก็สู้บรามีของท่านไม่ได้ต้องแพ้ภัยในครั้งนั้นแต่ถึงจะสาหัสเพียงใหน แต่ก็ไม่มีเลยที่พระองค์จะทรงกริ้วและประทุษร้ายตอบเรา”ด้วยเหตุนี้ พญามารจึงเลื่อมใสในพระบารมีของพระพุทธองค์ จึงได้อธิษฐานขอเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตกาล ด้วยจิตหยังรู้ของพระอุปคุตจึงแจ้งแก่พญามารว่าเหตุนี้เป็นพุทธทำนายและให้พระอุปคุตมาทรมานท่านให้ละลดเลิกและระลึกถึงความดีของพระพุทธองค์และจะอธิษฐานจิตเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล..ท่านอย่าได้โกรธเราเราทำด้วยปราณี พระอุปคุตจึงคลายพันธนาการออกจากคอพญาวัสวดีมาร...  

เรื่องราวของท่านพระอุปคุต มีปรากฏอยู่ในพระปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ดังนั้นอาจมีการปรับปรุงแก้ไขข้อความเพื่อความเข้าใจบ้างด้วยเหตุดังกล่าว ชาวพม่ารามัญตลอดจนชาวไทยในภาคเหนือจึงพากันสร้างรูปพระมหาเถระอุปคุตไว้สักการบูชาแต่ด้วยยังไม่มีใครเคยเห็น รูปลักษณ์แห่งพระมหาเถระอุปคุตมาก่อน จึงไม่มีมาตรฐานอันใดในการที่จะจัดสร้างรูปพระมหาเถระอุปคุตต่างคนจึงได้สร้างรูปของพระองค์นี้ขึ้นมาตามจินตนาการและตามความรู้ความสามารถในฝีมือการสร้างรูปพระมหาเถระอุปคุตของแต่ละคนขึ้นมาดังนั้นเราจึงได้พบเห็นรูปของพระมหาเถระอุปคุตที่มีรูปลักษณะที่แตกต่างกันไปหลากหลายรูปแบบแต่ก็มีสัญลักษณ์ของท่านอยู่ประการหนึ่ง นั่นก็คือ โดยที่ท่านจำพรรษาอยู่ ณ กลางสะดือทะเลจึงมักจะสร้างบนพระเศียรคลุมด้วยใบบัว โดยเฉพาะที่ฐานด้านหน้า ด้านหลังและใต้ฐานจะทำเป็นรูป กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นสัตว์อยู่เฉพาะในน้ำซึ่งเป็นบริวารและเป็นสิ่งบอกถึงว่าพระองค์นี้คือ พระมหาเถระอุปคุต อันมี วิหารแก้วประดิษฐานอยู่ ณ กลางเกษียรสมุทรหรือ สะดือทะเล นั่นเอง บางองค์ก็ทำเป็นปุ่มปม มีตุ่มนูนตามหน้าผากหน้าอกและทั่วพระวรกาย นิยมเรียกว่า เข็ม มี 3 เข็ม 5เข็ม 7 เข็ม และ 9 เข็มเชื่อกันว่าแต่เดิมนั้น ตามตุ่มที่ฝังเข็มนั้นเป็นช่องที่บรรจุพระธาตุและพระบรมธาตุกล่าวกันว่ายิ่งมากเข็มเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น คนส่วนมากจึงมักจะนิยมแสวงหาพระบัวเข็มที่มีหลายๆ เข็ม พระอุปคุตของเขมรนิยมสร้างด้วยเนื้อสัมฤทธิ์โดยสร้างเป็นรูป พระอุปคุตนั่งอยู่ในเปลือกหอยหรือกระดองเต่าเข้าใจได้ว่าคงจะอุปมาจากตำนานที่ว่าพระอุปคุตได้บำเพ็ญธรรมอยู่ ณ สะดือทะเล ส่วนพระบัวเข็มของพม่านิยมแกะด้วยไม้ซึ่งความเชื่อในการสร้างบูชาพระอุปคุต ก็เพื่อให้บังเกิดโชคลาภและบันดาลความร่ำรวย ร่มเย็นเป็นสุข แล้ว ก็ยังเชื่อว่ามีอานิสงส์ทางด้านแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆทั้งปวงจึงมีการสร้างพระอุปคุตเพื่อบูชากันมาแต่ครั้งโบราณ
การตั้งบูชา นิยมการตั้งบูชาบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ เป็นการจำลองคล้ายกับท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทรแล้วใช้ดอกมะลิลอยในน้ำบูชา และต้องตั้งต่ำกว่าพระพุทธ เนื่องจากเป็นพระอรหันต์ สาวกของพระพุทธเจ้า

วิธีสวดขอลาภ

ให้จุดธูปเทียนบูชา พร้อมกับดอกไม้หอม เครื่องหอมน้ำหอมต่างๆเทหยดใส่ในขันน้ำมนต์ ณ ที่บูชาพระในร้านค้าขาย หรืออาคารสำนักงานแล้วอธิษฐานขอให้กลิ่นควันธูปเทียน ลมพัดไปทางไหนของให้ดลใจผู้คนเข้ามาอุดหนุนตลอด ขอให้ดำเนินกิจการด้วยความราบรื่น มีความสำเร็จสมปรารถนาทุกประการเมื่ออธิษฐานจุดธูปเทียนบูชาแล้ว ให้สวด นะโม ๓ จบ และสวดคำบูชาขอลาภพระอุปคุต ๑ จบแล้วทำน้ำมนต์สวดด้วย คำบูชาขอลาภพระมหาอุปคุต อีก ๑ จบ เสร็จแล้วเอาน้ำมนต์ประพรมร้านค้า และสินค้าในร้านค้า หรือทำธุรกิจ ก็ให้เอาน้ำมนต์ประพรมภายในสำนักงานและอุปกรณ์ต่างๆที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำธุรกิจนั้นทั้งหมด

                                              คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร

ตั้งนโม ๓จบ

มหาอุปคุตโต มหาอุปคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโรธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ (คาถาพระมหาอุปคุตผูกมารมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มาก เสกด้วยสายสิญจน์ทำเป็นมงคลสวมคอ หากปลุกเสกครบ ๑๐๘ ครั้งสามารถป้องกันภูตผีปีศาจทั้งปวงและป้องกันอุปัทวอันตรายต่างๆ ถ้าเสก ๓ - ๗ คาบผูกคอหรือคล้องคอคนถูกผีเจ้าเข้าสิง จะเจ็บปวดร้องครวญครางโหยหวยอย่างน่าเวทนา ถ้าจะให้ผีที่สิงอยู่ออกไปให้ถอดหรือแก้ด้ายผูกคอออก แล้วเอาด้ายนี้ตีปัดตามตัวคนที่ถูกผีสิงอยู่ผีจะอยู่ไม่ได้จะเผ่นออก และไม่กล้ากลับมารบกวนคนในบ้านอีก และยังมีการปลุกเสกในทางพิชิตโรคาพาธได้วิเศษนัก)

คำบูชาพระบัวเข็ม

ตั้งนโม ๓ จบ

กิจจะมาคะอุปคุตโต อะมะหาเถโร สัมพุทเธวิยาคะโต มาระรัญจะ โสอิทานิ จะมะหาเถโรนะมัดปะสิทตะวาปะ ถิติโกอหัง วันทามิ พาเนวะอุปคุตตัง จะมะ หาเถรัง ยังยังอุปัทธะวังชาติวิทังเสนติ อะเสสะโต นโมพุทธายะ พระบัวเข็มจะมะหาเถโร สัพพะลาภังภะวันตุเมอิติปิโสภะคะวา พุทโธชัยโย ธัมโมชัยโย สังโฆชัยโย เมตตา ฉิมพาลีจะมะหา เถโรสัพพะลาภัง ตะวันตุเม ฯ
ชัยยะตัง ปัตถะพีตับภัง สามินโท โสราชาปูเชมิ ฯ

เนื้อหาต่างๆรวมทั้งภาพที่ผมรวบรวมขึ้นเพื่อการศึกษานี้ไม่ได้เจตนาพาดพิงถึงบุคคลใดให้เกิดเสียหายแต่ทำขึ้นเพื่อการศึกษาเท่านั้น หากผิดพลาดในเนื้อหาสวนใดต้องขออภัยมาณ ที่นี้ครับ

monster โพสต์เมื่อ 14-9-2011 19:49 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ผ้ายันต์ขนาดเท่าไหร่ครับ
kaineverdie โพสต์เมื่อ 14-9-2011 20:03 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ข้อมูลปึก..
spakafae14 โพสต์เมื่อ 14-9-2011 21:08 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ไอ๊ยา สวยยอดครับงามๆ
dark โพสต์เมื่อ 14-9-2011 21:22 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
- องค์นี้ท่านของจริงครับ...
 เจ้าของ| wongrad โพสต์เมื่อ 14-9-2011 22:29 | แสดงโพสต์ทั้งหมด



    ขนาดประมาณ ๒๕ X ๒๖ ซม. ถ้าจะให้ขายจริงๆราคาหลักพันครับเพราะครูบาท่านเขียนกับมือเอง ผ้ายันต์นกยุงทองใช้ในทางด้านเมตตา มหานิยม ค้าขาย โชคลาภ มหาเสน่ห์
 เจ้าของ| wongrad โพสต์เมื่อ 14-9-2011 22:41 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ครูบาคำ ท่านเป็นผู้ที่มีสีลาจารวัตรปฏิบัติที่งดงามรูปหนึ่งของล้านนา ศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลล้านนาอีกด้วย...และอีกอย่างนึงท่านพระอธิการโสภณ เจ้าอาวาสวัดปัจจุบันท่านฝากบอกบุญผู้ที่มีจิตศรัทธา มีโครงการสืบสานพระครูบาคำ เรื่องสร้างอุโบสถและเจดีย์ ณ วัดดอนปิน ยังมีมีจนตราบวันนี้ จึงประกาศเพื่อหาเจ้าภาพผู้มีจิตกุศล
 เจ้าของ| wongrad โพสต์เมื่อ 14-9-2011 23:23 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ร่วมทำบุญ๙๙บาทครับ
Dachakoon โพสต์เมื่อ 15-9-2011 00:22 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ชื่นชมครับ
masya โพสต์เมื่อ 15-9-2011 00:31 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
อะย้า พี่หมวดมีงานบุญด้วย คิกคิก
sprigan โพสต์เมื่อ 15-9-2011 00:32 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอรายละเอียดยันต์หนีบครับ คาถา วิธีบูชา อยากได้มาบูชาให้ถูกต้องครับ
natthapong-d@hotmail.com
benz_jc โพสต์เมื่อ 15-9-2011 04:31 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ผมขอจองผ้ายันต์นกยูง 1 ผืนครับ
 เจ้าของ| wongrad โพสต์เมื่อ 15-9-2011 08:44 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
ผมขอจองผ้ายันต์นกยูง 1 ผืนครับ
ต้นฉบับโพสโดย benz_jc เมื่อ 15-9-2011 04:31



    รับทราบครับ....
Sutep โพสต์เมื่อ 15-9-2011 08:46 | แสดงโพสต์ทั้งหมด
พระอุปคุตมีขนาดสูงเท่าใดครับ
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | สมัครเป็นชาวเมืองเสน่ห์กาหลง

รายละเอียดเครดิต

ปิด

เว็บมาสเตอร์แนะนำย้อนกลับ /1 ถัดไป

รายชื่อผู้กระทำผิด|Archiver|Mobile|เมืองเสน่ห์กาหลง (Khalong Charming Town)

GMT+7, 9-5-2024 16:15 , Processed in 0.196761 second(s), 7 queries , File On.

Powered by Discuz! X3.4

© 2001-2017 Comsenz Inc.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้