sacredthai โพสต์เมื่อ 9-9-2011 19:48

สาระข้อคิดดีๆโดยสันยาสี

ผุ้คนเกิดมาในโลกนี้มีเส้นทางเดินอยู่ 2 เส้นทางใหญ่ ๆ
คือ
ทางโลกกับทางธรรม
หรือทางโลกิยะวิสัย
และโลกุตระวิสัย

คนที่ต้องเดินทางโลกหรือทางโลกิยะวิสัย
ก็ต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตในการแสวงหาทรัพย์สมบัติ
หาการยอมรับจากผู้อื่นคือสังคม
แสวงหากิน กาม เกียรติ
หรือพูดหยาบ ๆ คือทุกคนเสมอกันในเรื่อง กิน ขี้ ปี้ นอน
ตกอยู่ในอำนาจของความต้องการของความคิดปรุงแต่งของตนเอง
ทุกคนคิด ๆ ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองคิด
เพราะมันไม่มีช่องว่างแห่งความรู้ตัวเกิดขึ้น
เมื่อคิดในสิ่งไหน
ต้องการในสิ่งไหน
ก็วิ่งโร่ไปตามความคิด
เกิดการกระทำขึ้นด้วยอิทธิพลของความยึดมั่นในความคิดนั้น
คิดดีก็เกิดการกระทำในสิ่งที่ดี
คิดชั่วก็เกิดการกระทำในสิ่งที่ชั่ว
เกิดอวิชชาคือความดำมืดทางจิตใจหุ้มห่อ
ถูกพัวพันด้วยโลภ
โกรธ
หลง
ราคะ โทสะ โมหะ
อวิชชา ตัณหา อุปาทาน
(ยกมากล่าวทั้งแผงเลย)
เป็นกันอย่างนี้ทั่วทุกผู้ตัวคน
เหมือนกันหมด
จนตายจากโลกนี้ก็ไปเกิดอีกภพภูมิหนึ่งซึ่งหาความแน่นอนไม่ได้
ช่วงดับจิตคิดดีก็ไปเกิดในภพภูมิที่ดีมีสวรรค์เป็นเบื้องหน้า
จะสูงหรือต่ำก็ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่ได้สร้างไว้สมัยเป็นมนุษย์
ถ้าคิดชั่วตอนนั้นก็ไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำทราม
มีนรก เปรต ดิรัจฉาน
วิญญาณเร่ร่อนอด ๆ อยาก ๆ
เพราะผลแห่งการกระทำสมัยเป็นมนุษย์
แม้เป็นนายพลเจ้ากรมทหารยังไปเกิดเป็นสุนัขก็ปรากฏให้เห็นมาแล้ว
(จะนำมาเล่าให้อ่านกันในฉบับต่อไป)
คนบางคนเกิดมาในโลกนี้
เมื่อสัมผัสกับผู้คนและสังคมไม่นานก็เบื่อหน่าย
มองเห็นอะไรก็ล้วนไร้สาระ
ไม่มีอะไรที่เป็นสุขอย่างแท้จริง
จึงเกิดการแสวงหาความสุขชนิดใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุสิ่งของหรือผู้คน
การหลีกเร้นซ่อนกายก็เกิดขึ้นเพื่อแสวงหาความสุขที่เหนือขึ้นไปอีก
เช่นเจ้าชายสิทธัตถะ และผู้คงแก่เรียนทั้งหลายในสมัยพุทธกาล
เราจึงมีพระพุทธเจ้า มีพระปัจเจกพุทธเจ้า มีพระอรหันต์
ผู้หลุดพ้นจากความยึดเหนี่ยวภายนอก
ผู้มีอิสระภายใน
ผู้ไม่เป็นทาสของความคิดปรุงแต่ง
ผู้ประสบสันติอันแท้จริง
ผู้มีอิสระทางจิตใจอย่างเต็มเปี่ยม
นี่คือผู้เดินในเส้นทางโลกุตระ
ซึ่งหาได้น้อยมากดุจเขาโค ย่อมมีน้อยกว่าขนบนตัวโคฉันนั้นเทพกับมนุษย์
แต่ไม่ว่ามนุษย์จะเดินบนเส้นทางไหน
มนุษย์ย่อมได้รับการช่วยเหลือจากเทพเทวาอยู่ดี ไม่มากก็น้อย
มนุษย์ผู้มีบุญอันได้กระทำมาดีแล้ว
เทพเทวาผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ย่อมคุ้มครองรักษาและช่วยเหลือให้ประสบความสำเร็จในการแสวงหาด้านโลกิยะสมบัติ
จะทำมาหากินด้านใดก็ประสบความสำเร็จเหนือผู้อื่น
แต่ถ้ามนุษย์ผู้นั้นหาบุญมิได้ เขาย่อมประสบกับความข้นแค้นแสนสาหัส

ทำกิจการงานสิ่งใดก็ประสบแต่อุปสรรคหลักตอ
มนุษย์ที่แสวงหาทางด้านโลกุตระ หลบลี้หนีหน้าผู้คนไปอยู่ป่า
เทพเทวายิ่งรักเคารพ
คอยติดตามช่วยเหลืออยู่ตลอด แม้ปฏิบัติผิดทาง
เทพที่เป็นพระอริยเจ้าก็คอยให้คำสั่งสอนตักเตือน
แม้ข้าวน้ำยังไม่ยอมให้อด
แต่ถ้าบุญน้อยก็เป็นพระอด ๆ อยาก ๆ เช่นเดียวกัน
ถ้าเราเคยอ่านพระสูตรต่าง ๆ ในพระไตรปิฎกก็จะพบมากมายหลายเรื่องที่พระอรหันต์หรือพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบบางท่านได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าเทพเทวา
แม้ป่ารกชัฏ เหล่าเทวดายังช่วยเนรมิตให้เป็นวัดวาอารามที่สวยงาม
เมื่อท่านจากไปแล้ว ป่าแห่งนั้นกลับเป็นป่าหนามดงทึบดุจเดิม
แต่บางท่านแม้เป็นพระอรหันต์ก็ประสบแต่ความอดอยากยากเข็ญ
แม้จีวรก็ขาด ๆ วิ่น ๆ
ทั้งนี้เพราะขาดบุญทานแต่ปางก่อนส่งเสริมเทวดาที่ช่วยส่งเสริมมนุษย์ก็คือเหล่าเทวดาที่เคยเป็นญาติ มิตร บริวารกันมาก่อน
หรือเป็นครูบาอาจารย์กันมาก่อน
มีบุญเสมอกัน
หรือได้รับการช่วยเหลือจากผู้นั้นมาก่อน
เมื่อผู้นั้นเคลื่อนจากเทวโลก หรือพรหมโลกมาเกิดเป็นมนุษย์
เทพเทวาเหล่านั้นก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวด้วยทิพย์เนตร ทิพย์โสตอยู่เสมอ
เมื่อผู้นั้นเดือดร้อนหรือต้องการสิ่งใด เทพเทวาจึงดลบันดาลให้สมความปรารถนา

ความบังเอิญจึงไม่มีในโลกนี้
คนไร้บุญวาสนาก็คือคนที่ขาดทานบารมี
ไม่เคยทำบุญให้ทานมาก่อน
หรือให้ไม่มากพอ
ขาดการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น จึงขาดบริวารบารมี
เมื่อตกทุกข์ได้ยากก็ขาดคนเหลียวแล ขาดเทพเทวาส่งเสริม
คนเกิดมาในโลกนี้จึงมีความแตกต่างกัน
แม้เกิดในพุทธศาสนาที่มิได้แบ่งชนชั้นวรรณะ
แต่บุญบารมีที่สร้างมาต่างกันก็ทำให้เกิดการแบ่งชนชั้นตามธรรมชาติอยู่เอง
จึงมีระดับลูกจ้าง
นายจ้าง
คนรวย
คนจน
เพราะนี่คือกฎแห่งกรรม
ไม่มีลัทธิการเมืองไหนที่ขจัดช่องว่างนี้ลงได้
แม้เกิดในประเทศคอมมิวนิสต์
จนลัทธิคอมมิวนิสต์ล่มสลาย
การขจัดช่องว่างนี้ก็หาสำเร็จไม่
ประเทศคอมมิวนิสต์ก็มีชนชั้นผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง
ชนชั้นปกครองมีเหลือกินเหลือใช้ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่คน
ส่วนชนชั้นถูกปกครองยากจนเสมอกันทั้งแผ่นดิน แม้ไปเกิดในเทวโลก
ช่องว่างนี้ก็ยังมีอยู่ระหว่างผู้มีบุญน้อยกับผู้มีบุญมาก
จึงมีเทพบุตรหรือเทพธิดาที่อาศัยบุญผู้อื่นอยู่
คอยเป็นเทพบุตรหรือเทพธิดารับใช้ในมหาเทพผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่โดยไม่ปริปากร้องทุกข์
เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องของบุญวาสนาที่ตนเองทำมาน้อย
ที่มาได้รับความสุขขนาดนี้ก็เพราะนายได้ชักชวนให้ก่อสร้างบุญกุศล และเพราะบุญนั้นจึงได้มาเสวยสุขในร่มบุญของท่าน
เมื่อยอมรับความจริงเขาจึงไม่ทุกข์
ไม่มีความกดดัน
ไม่มีความน้อยเนื้อต่ำใจ
ไม่โพนทะนาป่าวร้องว่าเทวโลกไม่มีความยุติธรรม
แม้ช้างเอราวัณอันเป็นช้างของสักกะมานพ
ได้ช่วยสักกะมานพสร้างกุศล
ชักลากไม้ซุงมาก่อสร้างศาลา
เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดในเทวโลกเป็นเทพบุตร อาศัยร่มบุญของท้าวสักกะเทวราช
ยามใดท้าวสักกะต้องการช้างทรง
เทพบุตรเอราวัณก็ต้องเนรมิตตัวเองเป็นช้างให้พระอินทร์หรือท้าวสักกะได้ทรงประทับ ดังนั้น
ความสำเร็จของมนุษย์จึงต้องพึ่งพาเทพเทวาส่วนหนึ่ง
เกิดจากการกระทำของตนเองส่วนหนึ่ง
ดุจพระอาจารย์เกษม อาจิณณสีโลก
แห่งวัดป่าสามแยก
ตำบลวังกวาวง
อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สั่งสอนสาธุชนที่ไปกราบนมัสการอยู่ทุกวี่วัน
ให้ทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เทพเทวาที่รักษาคุ้มครองตนเอง
เทพที่รักษาที่อยู่อาศัยของตนเอง
เทพที่เป็นใหญ่ในหมู่บ้านตำบลของตนเอง
และเทพที่เป็นญาติมิตรของตนเอง บ่อย ๆ
เมื่อเขาได้รับบุญมากขึ้นเขาก็เลื่อนภพภูมิสูงขึ้น
มีฤทธิ์อำนาจมากขึ้น
แล้วเขาก็จะกลับมาช่วยเหลือเกื้อกูลเราเอง
คนที่นำคำสอนของท่านไปใช้ทุกวี่วัน
ก็จะปรากฏความสำเร็จขึ้น
ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับแรงบุญกุศลของผู้นั้น
ก็เป็นเครื่องประจักษ์พยานว่าสิ่งที่ท่านพูดท่านสอนนั้นเป็นเรื่องจริง
หาได้โกหกหลอกลวงให้คนทำบุญแต่ประการใดไม่
แต่การจะเดินข้ามขั้นตอนให้ประสบความสำเร็จที่รวดเร็วทันใจนั้น เราต้องพึ่งพาเทพเทวาที่ท่านมีศักดิ์สูง มีฤทธิ์อำนาจที่สูงส่งอยู่แล้ว
เราต้องทำตัวเราเองให้ท่านรู้จัก
ด้วยการหมั่นบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ
แล้วส่งบุญถึงท่าน
ขอความช่วยเหลือจากท่าน
แล้วเราจะสัมฤทธิ์ผลเร็วที่สุด
เปรียบเหมือนเราลำบากยากจน
แต่เราก็พยายามทำมาหากินเลี้ยงลูกหลานให้เจริญเติบโต
หวังว่าเติบใหญ่ขึ้นเขาได้ดีเราจะได้พึ่งพาอาศัย
กาลเวลาก็ดูจะยาวเกินรอ
แต่ถ้าเราไปทำดี นบนอบ กับผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ
เมื่อเราขอความช่วยเหลือจากท่านเราย่อมได้รับความช่วยเหลือทันที
แต่ก็อย่าลืมลูกหลานชิดใกล้
เราก็เลี้ยงดูส่งเสริมพวกเขาไปในขณะเดียวกันการทำบุญอุทิศกุศลก็ต้องอุทิศไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งแก่เทพเทวาผู้มีศักดิ์ใหญ่
และเทพเทวาผู้น้อยที่อยู่ใกล้ชิดเรา
อย่าคิดว่าเทพผู้ใหญ่ท่านรวยอยู่แล้ว
ไม่ต้องให้ท่านก็ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านจะรู้จักเราได้อย่างไร
ถ้าเรารู้จักแต่ผู้ใหญ่บ้าน
เราก็จะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
เท่านั้น
แต่ถ้ารู้จักผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านก็ช่วยเหลือเราได้ในเรื่องใหญ่
แต่ถ้าเราสนิทกับนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
แม้เรื่องใหญ่ ๆ
ท่านก็ช่วยเหลือเราได้ง่าย ๆ แบบพลิกฝ่ามือ

เทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือใคร
จากคำถามนี้เราคงได้รับคำตอบที่แตกต่างกัน
บางคนอาจตอบว่าพระพรหมยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะเป็นผู้สร้างโลก
บางคนตอบว่าพระวิษณุต่างหากที่สร้างโลกและสร้างพระพรหม รวมทั้งพระศิวะ
บางคนก็ตอบว่าพระพรหมต่างหากที่สร้างพระวิษณุหรือพระนารายน์
และพระศิวะ
ต่างก็เถียงกันไปมาโดยยกตำรับตำราต่าง ๆ ขึ้นมาอ้าง
แต่ตำราแต่ละยุคก็เขียนต่างกัน
ยกย่องเทพเจ้าต่างกัน
เราจะเอาตำราเล่มไหนมาอ้าง
แม้ผมเองค้นคว้าตำราต่าง ๆ ก็หัวหมุน
เพราะต่างยุคตำราก็ต่างกัน
ความยิ่งใหญ่ก็กลับกันไปกลับกันมา
โธ่ถังยางมะตอย
ก็ตำราต่าง ๆ
มนุษย์เป็นผู้เขียนเป็นผู้แต่ง
นับถือเทพองค์ไหนก็ยกย่องเทพองค์นั้นให้เป็นใหญ่
แต่งเรื่องราวขึ้นมาให้สอดคล้องกับความเชื่อถือของตนเอง
เวลาผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี
เรื่องที่นั่งเทียนเขียนก็ดูจะเป็นเรื่องจริงของคนรุ่นหลัง
ถึงกับนำมาอ้างอิงหักล้างกัน
รู้มั้ยว่าวันเวลาผ่านมาไม่ถึง 200 ปี
เรื่องอภัยมณีของสุนทรภู่ก็คล้ายจะเป็นเรื่องจริงที่ผู้คนเชื่อถือ
นางพันธุรัตน์
นางผีเสื้อสมุทร
และเงาะป่าพระสังข์ทอง
ซึ่งมาจากวรรณคดีที่รจนาขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 2 ก็กลายเป็นรูปปั้น และเหรียญให้คนเคารพบูชา เรียกทรัพย์เรียกสินกันแล้ว
สามก๊ก
วรรณคดีที่ขึ้นชื่อลือลั่นของจีน มีที่มาจากประวัติตำนานของวีรบุรุษในตำนานเมื่อหลายร้อยปีก่อน
คือเมื่อพ.ศ.300-500
พอผ่านมาเกือบสองพันปี
นักเขียนบทละครงิ้วก็แต่งเรื่องสามก๊กให้คนได้เล่นได้อ่านกัน
และแต่งเป็นนวนิยายเล่มใหญ่หนา
นำตัวละครในอดีตเช่น
ขงเบ้ง
กวนอู
มาแต่งเข้ากับตัวละครในยุคของตนเอง
มาจนถึงยุคปัจจุบัน
นักอ่านจำนวนมากเกิดเชื่อถืออย่างจริงจังว่าตัวละครต่าง ๆ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องสามก๊กเป็นตัวจริงเรื่องจริง
จินตนิยายอิงตำนานวีรบุรุษของหลอก้วนจง กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปเสียแล้ว
คำสอนของขงเบ้งที่หลอก้วนจงแต่งขึ้นสอนลูก ๆ ก็กลายเป็นคำสอนของขงเบ้งจริง ๆ
ไปเสียแล้วแล้วเรื่องเทพนิยายที่แขกแต่งขึ้นในแต่ละยุคที่มีความขัดแย้งกันเอง จะมีความเชื่อถือได้เพียงใด
มันก็เป็นเพียงจินตเทพนิยายที่นักปราชญ์อินเดียโบราณแต่งขึ้นเท่านั้น

ผมจึงไม่เชื่อตำราที่มนุษย์แต่ง
แม้ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกอันว่าด้วยเรื่องของท้าวเวสวัณไปกราบทูลถวายอาฏานาฏิยะสูตรแด่พระพุทธเจ้า ผมก็ไม่เชื่อทั้งหมด
ผมว่ามันต้องมีผิดเพี้ยนไปบ้างไม่มากก็น้อย
เพราะพระไตรปิฏกถูกจารึกเป็นตัวอักษรในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วตั้ง 300 ปี
มันจะถูกต้องหมดทุกเรื่องราวทุกตัวอักษรหรือ
มันต้องมีผิดพลาด
โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ใช่เนื้อหาของพระธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้
แต่ถ้าเป็นพระธรรมคำสอนที่พระองค์ได้ตรัสรู้ผมว่าไม่มีผิดเพี้ยน
มันผิดเฉพาะเรื่องของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าเรื่องเทพเทวา
เรื่องประวัติบุคคล
เรื่องของสถานที่
ทั้งนี้เพราะมันไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก
โดยเฉพาะเรื่องเทพนิยายส่วนมากนำมาจากจินตเทพนิยายของแขกในยุคพระเวท
แต่เรื่องจริงที่ผมเชื่อคือ เทพเทวา และพระพรหมทั้งหลายมีจริง
ชื่อของเทพแต่ละองค์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์มีจริง
สวรรค์มีจริง
พรหมโลกมีจริง
นรกมีจริง
ในพรหมชาละสูตร กล่าวว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างโลก
คือเกิดก่อนใคร ๆ ในจักรวาล

สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นตามมาจนพระพรหมเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นผู้สร้าง
ในหลายพระสูตรกล่าวถึงพระอินทร์เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
มีฤทธิ์มีอำนาจ
และมีเรื่องเกี่ยวข้องกับพระอินทร์มากมายหลายพระสูตร
โดยเฉพาะในนิทานธรรมบทมีเรื่องของพระอินทร์ หรือท้าวสักกะเทวราชมากมายที่มาเกี่ยวข้องกับมนุษย์และพระสงฆ์องค์เจ้า
และรองลงมาคือเรื่องของท้าวเวสวัณ และท้าวกุเวร
ซึ่งกล่าวว่าท่านเป็นใหญ่ปกครองมนุษย์และสัตว์ รวมไปถึงภูตผีปีศาจ เปรต อสุรกาย สัตว์นรก ยักษ์ มาร กุมภัณฑ์ทั้งหลาย
ท่านจึงมีพระนามว่าท้าวโลกบาล
คือผู้คุ้มครองรักษาโลก
แต่แท้จริงแล้วใครคือผู้กุมชะตาสัตว์โลก
ใครเป็นใหญ่ที่สุดในบรรดาเทพและพรหมทั้งหลาย

poseidon โพสต์เมื่อ 9-9-2011 20:06

ขออนุโมทนาครับ

kaineverdie โพสต์เมื่อ 9-9-2011 20:18

เราเป็นผู้กุ่มชะตาตัวเอง{:7_144:}

spakafae14 โพสต์เมื่อ 9-9-2011 21:05

{:10_191:}

CUTE19 โพสต์เมื่อ 9-9-2011 23:13

"ใครจะใหญ่เกินกรรม"

boworn โพสต์เมื่อ 10-9-2011 12:04

คำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

"ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตน ลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลาทั้งฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"

boworn โพสต์เมื่อ 10-9-2011 12:05

คำสอนของสมเด็จโต

"กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้ กรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง จงจำไว้ลูกเอ๋ย ... กรรมที่ทำด้วยเจตนาไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมมีผลต่อผู้กระทำทั้งสิ้น ไม่มีพรหมเทพองค์ใด จะช่วยเจ้าลบล้างกรรมนั้นได้ เจ้าต้องช่วยเหลือตนเอง ด้วยการสวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา ผลแห่งบุญอันเป็นกรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง"

TenThai โพสต์เมื่อ 11-3-2012 10:04

สาธุๆๆๆ

snoopy โพสต์เมื่อ 16-3-2012 10:11

อนุโมทนาครับ {:8_179:}
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: สาระข้อคิดดีๆโดยสันยาสี