ไพรัฐ โพสต์เมื่อ 2-2-2010 18:15

การตัดกรรมไม่มีจริง.......

ตัดกรรมไม่มีจริง...แล้วทำไมคนเราถึงตัดกรรมไม่ได้?
เรื่องนี้สำหรับคนที่เข้าวัดสวดมนต์ปฎิบัติธรรม ถ้ายกบทสวดบทนี้ขึ้นมาเป็นเครื่องยืนยัน คงจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง ซึ่งจะขอยกมาบางส่วนเพื่อเป็นการยืนยันถึงความมีอยู่ และมีมานานแล้ว มีมาก่อนที่พระองค์จะกำเนิดขึ้นบนโลก เพราะสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงรู้สิ่งที่มีอยู่ในโลก แล้วทรงมีเมตตานำมาบอกให้ได้รับรู้แล้วนำไปปฎิบัติ เพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นไปแห่งทุกข์และทางพ้นทุกข์ บทที่ว่ามีดังนี้

"สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฎิสะระณา" แปลว่า
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งที่อาศัย

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจักทำกรรมอันใดไว้ คุณจักต้องเป็นผู้ได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นของของคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว กระบวนการของเจ้ากรรมนายเวรเขาจะจัดให้คุณอย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะหน้ากลมหรือหน้าเหลี่ยม จะยากดีมีจนร่ำรวยล้นฟ้า ได้เสมอภาคกันหมด ที่มนุษย์เราเรียกหาความยุติธรรม กรรมนี่แหละจัดให้แบบยุติธรรมสุดๆ ไม่มีขาดไม่มีเกิน ขอแถมก็ไม่มีให้เหมือนกัน

ที่เป็นทุกข์และวิตกกังวลอยู่ทุกวันนี้เพราะคนเราไม่เข้าใจ ที่เห็นกันอย่างง่ายๆ อย่างเวลาคนเรามีความสุข เรายอมเปิดรับมันอย่างดีใจ และถวิลหาความสุขอย่างชนิดไม่อยากให้มันจางหายแถมอยากมีเพิ่มอีกด้วย แต่ยามทุกข์จัดมาพากันขยะแขยงพากันกลัว ไม่ต้องการให้มันกล้ำกรายหรือผ่านเข้ามาในชีวิต โดยลืมสติไปว่าชีวิตที่ดำรงอยู่ด้วยความอยากของตัวเอง อยากมีอยากได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ไม่เข้าใจโลกที่มีชอบก็ต้องมีไม่ชอบ มีสุขได้ก็ต้องมีทุกข์ได้ จะเอาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้หรอก เพราะทุกข์สุขมันอยู่ด้วยกันของมัน ชอบไม่ชอบก็อยู่ด้วยกันของมันปกตินั่นแหละ มันปกติของโลก คนเรานี่แหละที่ไม่ปกติคิดว่าจะมีแต่สุขไม่อยากมีทุกข์

ไพรัฐ โพสต์เมื่อ 2-2-2010 18:41

แม้หากว่า...พระพุทธองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระพุทธองค์ก็ทรง...ตัดกรรมให้ใครไม่ได้เช่นกัน
เพราะแม้แต่อัครสาวกซ้ายขวาของพระองค์ ซึ่งคือท่านพระสารีบุตรและท่านพระโมคคัลลานะก็ต้องชดใช้กรรมเช่นกัน ด้วยหลักธรรมที่ยกมาดังข้างต้น เพราะสัตว์โลกทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน ไม่มีใครก้าวล่วงได้ เปลี่ยนแปลงได้ จะมาบอกว่าได้ทำกรรมผิดไปโดยสุจริตก็เถอะ กฎแห่งกรรมเขาก็ไม่สนหรอก เพราะทุกๆ กรรมที่คุณได้ก่อขึ้น มีขึ้นแล้วมันก็มีแล้ว มีได้อย่างไร? ถ้าว่ากันแบบหยาบๆ ก็ต้องบอกว่ารู้อยู่แก่ใจด้วยตนเองนั่นแหล่ะ มันได้บันทึกไว้ในฮาร์ทดิสท์ที่มีชื่อว่ามโนสำนึก หรือจิตวิญญาณของคุณนั่นแหละ ที่มันคอยรบกวนผลุบๆ โผล่ๆ สร้างความปั่นป่วนให้จิตใจคุณอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จะนึกถึงมันหรือพยายามจะไม่นึกถึงมันก็ตาม และไม่เพียงแต่ความรู้สึกที่มี แถมยังมีการแนบไฟล์ภาพที่คุณกระทำกรรมนั้น แล้วคุณก้อบันทึกมันไว้เองหมือนถ่ายคลิปวีดีโอเป๊ะ เพียงแต่ไม่มีซอฟท์แวร์ใดๆ ในโลกมาลบมันออกไปได้

และด้วยกรรมเหล่านี้ มันก็จะเป็นชนวนแห่งเหตุและปัจจัยต่อชีวิตในแต่ละภพชาติต่อๆ ไป ไม่ใช่เรารับรู้ไม่ได้ถึงที่มาที่ไปแห่งกรรม เพียงแต่ทำได้ยากครับ การจะรู้เห็นชาติภพกรรมเวรในอดีตชาติก็ไม่ใช่ว่าไปนั่งสมาธิแล้วจะได้เห็นทุกสิ่ง การจะเห็นต้องผ่านการวิปัสสนาให้เกิดปัญญาญาณ ได้หลุดพ้นจากอวิชชาแล้ว(ละ,วางทางโลกแล้ว) และอยู่ในระดับพระอรหันต์น่ะครับที่จะรู้เห็นภพชาติที่แท้จริงเป็นจริง...ว่ากรรมใดที่ส่งให้มีชะตากรรมในภพชาตินี้ ไม่ใช่รู้สึกว่าแบบว่าเป็นเงาดำๆ มัวๆ ลางแล้วก็ผสมกับความคิดความรู้สึกว่าเป็นนั่นเป็นนี่ จะเห็นได้จิตในมันต้องใสกิ๊กจริงๆ เพราะภพชาติที่เห็นนะจะรู้ได้งัยว่าส่งผลชาตินี้ ขนาดพระพุทธองค์ท่านทรงยกตัวอย่างไว้แค่ 500 ชาติ พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้อยู่กับปัจจุบัน อดีตแก้ไขไม่ได้แล้ว แค่คุณกลับไปแก้ปัญหาชีวิตของเมื่อวันก่อนยังไม่ได้เลย นี่คือความเป็นจริงโยม   

ด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงมีพุทธพจน์ว่า "อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เพราะเราเองนั่นแหละที่สร้างกรรมขึ้นมาเอง และก็ต้องรับผลแห่งกรรมที่ก่อเอง โดยตัวเองเพราะตัวเองทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น ถ้าไม่อยากเผชิญทุกข์แห่งกรรม ท่านจึงทรงแนะนำให้เรามีศีล มีสติ ไม่เบียนเบียน สร้างบุญสร้างกุศล มีแต่กรรมดีเพื่อให้ชีวิตมีมงคลมากกว่าอัปมงคล อย่างน้อยจะได้ไม่ก่อกรรมใหม่ เท่ากับได้บรรเทากรรม เพราะอย่างน้อยไม่ต้องทำผิดเพิ่มขึ้นมาอีก

ไพรัฐ โพสต์เมื่อ 2-2-2010 18:55

มนุษย์เราหากปรารถนาจะบำเพ็ญเพียรหรือปฎิบัติธรรมให้สำเร็จนั้น ต้องมีต้นทุนสะสมมาแต่ปางก่อนพอสมควร หลายท่านอาจจะไม่ยอมรับในเรื่องนี้ ต่างมีความคิดตามสมองในกายว่า "หากทำจริงแล้วทำไมจะไม่ได้" แต่แปลกไหมที่บางคนฝึกฝนมุมานะในปัจจุบันพร้อมกับคนอื่นๆ กลับพบความเปลี่ยนแปลงคืบหน้าไปช้า จนดูไม่ทันอกทันใจหรือไม่ได้ดังใจ บางคนได้รับการชี้แนะเพียงน้อยนิดกลับไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่บางครั้งอาจฝึกฝนหรือปฎิบัติน้อยกว่าด้วยซ้ำไป ด้วยเพราะเหตุว่าการบำเพ็ญเพียรหรือการมุ่งปฎิบัติธรรม ล้วนต้องสั่งสมหรือมีนิสัยสันดานติดตัวมาแต่ก่อน ที่ว่าสันดานนั้นคืออะไรติดตามมา จะค่อยๆ รับรู้ไปเอง   เพราะจิตใจของคนเราฟุ้งซ่าน ไม่อยู่นิ่งเหมือนลิง มีความสงสัยอยากรู้ตลอดเวลามีฤทธิ์เดชมาก ประมาณการอบรมจิตก็เหมือนการผจญมาร ย่อมต้องอาศัยบารมีแต่ปางก่อนเป็นต้นทุน ถึงจะกำราบจิตใจที่ฟุ้งซ่านได้ เพราะจิตใจของลิงคือความสงสัย ใคร่อยากได้อยากรู้ นั้นฝึกยาก หากไม่มีต้นทุนสะสมมาก่อนหรือของเก่าในอดีต กล่าวคือหากสนใจมาเริ่มฝึกในชาตินี้นั้น ย่อมยากที่จะเอาชนะได้

เพราะการฝึกฝนอบรมจิตนั้นต้องค่อยๆ หัด ค่อยเป็นค่อยไป จะเอาให้ได้รวดเร็วดังใจไม่ได้เป็นสิ่งผิดธรรมชาติ และเป็นการฝืนตนเอง การฝึกฝนจิตต้องออกมาจากภายใน หาใช่เป็นรูปกายภายนอกที่สร้างขึ้น ให้ดูราวเป็นผู้มีบุคลิกผู้ถือเคร่ง หรือดูดั่งผู้ทรงศีลที่น่าเลื่อมใส อีกทั้งไม่ใช่บังคับจิต เพราะสุดท้ายก็จะเอาไม่อยู่ ยิ่งเกิดความหงุดหงิด เกิดความไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ ไม่ได้ดังใจ เกิดความสงสัย ปฎิบัติแล้วทำไมไม่ได้ เป็นอารมณ์ที่พอใจไม่พอใจไปต่างๆ นานา เราเรียกภาวะแห่งจิตประเภทนี้ว่า ตัณหา และมิจฉาทิฐิ ที่เราอยากหลุดพ้นนี่ก็ตัณหามิจฉาทิฐิ ตัณหามิจฉาทิฐิคือด่านแรกมันร้อนเหมือนไฟ ถ้ามีตัณหามิจฉาทิฐิก็เหมือนมีไฟเผาผลาญใจอยู่ข้างใน เร่าร้อนทุรนทุราย เจ็บปวด

pramate โพสต์เมื่อ 6-2-2010 22:01

ขอบคุณครับ กรรมตัดไม่ได้ แต่สามารถลดทอนได้

kaineverdie โพสต์เมื่อ 6-2-2010 22:23

-ข้อมูลดีมากครับ กรรมตัดรอน กรรมตามทัน กรรมของฉันที่เกิดอีกมา กรรมใครกรรมมัน   
กรรมมมมมม

chalee โพสต์เมื่อ 7-2-2010 02:35

เชื่อว่าคงเป็นเช่นนั้น
อ่านแล้วได้แง่คิดดีๆมากมาย

tumma16 โพสต์เมื่อ 7-2-2010 07:42

แก้ไขล่าสุด tumma16 เมื่อ 7-2-2010 07:45

ในหนังสือมนต์พิธีการขอฆมาต่อเจ้ากรรมนายเวรคือบทสวดวันฑาใหญ่
บทนี้สำคัญมากในการขอฆมาต่อเจ้ากรรมนายเวรต้องสวดในโบสถ์สวดมนต์ให้เสียงดัง สวดให้ได้ 108 จบ เป็นการดี
หากสวดที่บ้านหรือที่ไม่ใช่ในโบสถ์ได้เหมือนกันครับ แต่ท่านจะได้เจอกับเจ้ากรรมนายเวรของท่านตัวจริงๆเลยครับไม่เชื่อก็
ลองทำดูได้เลยที่บ้าน คุณจะได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์แต่หากได้กระทำการในอุโบสถ (โบสถ์)แล้วละก็ภายในโบสถ์
มีพระประธาน และล้อมรอบด้วยเทวดาภาพผนังโบสถ์จะคอยปกป้องตัวเราแต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ จิตเป็นกุศลในการขอฆมากรรมในครั้งนี้
แต่เราต้องมีจิตที่ต้องเข้มแข็งนะครับเพราะการสดมนต์บทนี้ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมง สำหรับคนที่สวดเป็นครั้งแรกหากเราต้องการการอโหสิกรรมให้ต่อกันแล้วกับเจ้ากรรมนายเวรนั้นต้องเข้มแข็งจริงๆ และต้องให้ได้ 108 นะครับ ห้ามขาดนะ หลังจากนั้นก็ให้ทำการถวายสังฆทานนะครับสังฆทานนี้ไม่จำเป็นต้องไปซื้อมาเป็นถังนะครับ เพราะพระเองก็ไม่ได้ใช้ก็ขอให้ซื้อในห้างก็ำได้ครับ เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก ยาพาราหรือยาใส่แผลสด โอวัลตินหรือกาแฟ น้ำตาล ซื้ออย่างใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องทั้งหมดหรือหลายอย่างที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวปลาอาหาร 1 ปินโตสำคัญมาก ถือว่าเป็นสังฆทานเป็นอันจบวิธีขอฆมากรรมหรือตัดกรรมให้ลดน้อยลง

TenThai โพสต์เมื่อ 12-2-2012 17:28

สาธุ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: การตัดกรรมไม่มีจริง.......