สัมภเวสีมีมากในโรงพยาบาล..หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.pranippan.com/new/board/uploads/post-1-1250087440.jpghttp://www.dhammajak.net/board/files/268_1219643723.jpg_143.jpg
" โธ่ ไปที่ไหนได้ปลงธรรมสังเวชทุกแห่งทุกหน เข้าไปในโรงพยาบาลก็ได้ปลง ดูโรงพยาบาล ใครก็ไหลเข้ามา ไหลเข้ามา คนไข้ไหลเข้ามา ไหลเข้ามา หมอก็รักษาเต็มความสามารถ เมื่อสุดความสามารถแล้วมันก็ต้องตาย เตียงหนึ่งๆ บรรจุคนตายสักเท่าไรๆ แต่ละเตียงๆ ขนกันออก ขนไปรักษา รักษาไม่ไหวขนออก จะเป็นป่าช้าอยู่กับโรงพยาบาล ได้พิจารณา
ถ้าเป็นนักภาวนาจะรู้ทันทีในโรงพยาบาล นั่นละป่าผีอยู่นั้น กลางคืนพวกตายแล้วแทนที่..คือมันมีกรรมหลายประเภท กรรมหนักทางชั่วไม่รอ พอตายแล้วก็ผึงลงเลย กรรมดีมีมากก็ไม่รอ พอตายแล้วผึงขึ้นเลย กรรมที่คาราคาซังขายไม่ออก วิ่งหาตลาดขาย เข้าใจไหม คนตายแล้ววิ่งหาตลาดขาย ขายไม่ออกนี่พวกสัมภเวสี วิ่งหาที่เกิดที่อยู่ วิ่งอยู่ใน วิญญาณสัมภเวสีอยู่ในนั้นเยอะนะ พวกนี่ละพวกสัมภเวสี ........หนักพอให้ไปกระตุกคนดีๆ เขานอนอยู่บนเตียงไปจับเขากระตุก ไอ้พวกนี้พวกกวน ไปจับขากระตุกจะให้ไปเกิดที่ไหน ว่าอย่างนั้นความหมาย อู๊ย ทุกประเภท
http://palungjit.com/feature/data/507/Hospital_ghost-791247.jpg
จิตนี้ดูซิ พระพุทธเจ้าพูดไม่มีผิดแม้แง่หนึ่งนะ พวกตาบอดฟังไม่ได้ศัพท์ได้แสงด้วยกันหมด พระพุทธเจ้าพูดด้วยโลกวิทูรู้กระจ่างแจ้งภายนอกภายใน รู้หมด แล้วรับสั่งตรัสสอนไว้ตามเป็นจริงๆ ไม่ผิดเพี้ยน แต่คนตาบอดมันไม่เห็นไปจับขากระตุก ว่าผีหลอก ดูว่าอย่างนั้นนะ อย่างแรงจับขากระตุก อย่างหนึ่งกระซิบกระซาบอยู่ในโรงพยาบาลกับคนป่วย มีทุกแบบอยู่ในโรงพยาบาล
เพราะจิตดวงนี้ไม่เคยตาย คือไม่เคยฉิบหายเลย ไม่ทราบว่าเงื่อนต้นเงื่อนปลายของจิตดวงนี้อยู่ที่ไหน เวลาตายถ้าพูดถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพานด้วยจิตดวงนี้ที่ชำระเรียบร้อยแล้วก็เป็นธรรมธาตุไปเลย นี่ผู้สิ้นสุด หมดกิเลส หมดสมมุติโดยประการทั้งปวง จิตดวงนี้ก็เป็นธรรมธาตุ ที่ท่านเรียกว่านิพพานๆ คือจิตธรรมธาตุ ให้มันเห็นชัดๆ ในหัวใจด้วยนักปฏิบัติ เอามาพูดปาวๆ ได้เหรอ พูดตามหลักความเป็นจริงที่เป็นอย่างนั้นๆ
ตามรอยของจิตมา รอยมันไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ถ้าหากว่าไม่บริสุทธิ์มันก็หมุนของมันอยู่อย่างนั้นตลอด ให้สูญไม่สูญ ไปดีไปชั่วตามอำนาจแห่งกรรม กด ทั้งพยุงทั้งกด ถ้าผู้สร้างความดีแล้วพยุงขึ้นๆ ถ้าสร้างความชั่วกดลงๆ โอ้ย น่าทุเรศนะเรื่องวัฏวน นั่นน่ะพระพุทธเจ้าท่านจึงให้เห็นภัยในความเกิด ทุกฺขํ นตฺถิ อชาตสฺส ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด การเกิดกับการตายนี่มันอยู่นี้ละมันสร้างกองทุกข์ ความเกิดกับตายนี่ไม่ใช่เล่นนะ เวลาจะตายแล้วจิตนี่มันดิ้นของมันนะ ทั้งห่วงหน้าห่วงหลัง ผู้ทำบาปทำกรรมยิ่งทุกข์มากนะ เวลาจะตายพญามัจจุราชดึงเข้ามา ทีนี้กรรมดีกรรมชั่วก็แย่งกัน จะไปทางดีทางชั่วสร้างไว้มากน้อยเพียงไร ดี-ชั่ว ถ้าสร้างดีดีมีแน่นหนามากกว่าก็ไปทางดี ถ้าสร้างความชั่วชั่วมีน้ำหนักมากกว่าก็ดึงลง ดึงจิตดวงนี้ละ จิตดวงนี้เหมือนกับว่าเป็นผู้ต้องหา จะไปทางไหน อยู่อย่างนั้นละ" "ทุกฺขํ นตฺถิ อชาตสฺส ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด การเกิดกับการตายนี่มันอยู่นี้ละมันสร้างกองทุกข์"
พระพุทธเจ้าท่านจึงชี้ ทางนิพพาน เพื่อที่จะไม่ต้องวนเวียนอยู่ใน สังสารวัฏ อีกอย่างไม่รู้จบรู้สิ้น... แก้ไขล่าสุด cho เมื่อ 22-12-2009 19:52
หมั่นทำความดี แม้วันนี้ทำดีแล้ว มันยังไม่ได้ดี เหตุผลง่ายๆ คือ ผลกรรมชั่วของเราในอดีตกำลังแสดงผลอยู่ หน้าที่เราคงต้องอดทนทำดีต่อไปนั่นแหละ ทำจนกว่า ผลกรรมดีจะแสดงผลอย่าท้อ
คนเราก็แปลกนะ...จะแก่งแย่งกันทำไม จะริษยากันทำไม สุดท้ายก็ตายไปเอาอะไรไม่ได้..
หลวงตาท่านเปรียบเปรยเหล่าสัมภเวสี คือพวกนี้ชอบก่อกวน ทำอะไรก็ได้ให้คนอื่นไม่มีความสุข แกล้ง หาเรื่อง สารพัดเรื่องราวต่างๆ ที่จะป้ายให้คนมัวหมอง และตัวเองจะได้ดี ขาวสะอาด โดดเด่น..
เป็นคนดี คิดดี ให้อภัยคนที่คิดร้ายกับเรา แผ่เมตตาให้เหล่าคนไม่ดี (เปรียบเหมือนสัมภเวสีไงหละ) พระที่เป็นยากที่สุดคือพระอภัย
หลวงพ่อสอน.. สำคัญที่ใจลูก.. ชนะทุกสิ่ง!
แก้ไขล่าสุด ชลาพุชะ เมื่อ 24-12-2009 23:19
สัมภเวสี
คนทั่วไปเข้าใจว่า ภูต หมายถึงผี บางทีเรียกรวมกันว่า ภูตผี สัมภเวสี หมายถึงผีที่ร่อนเร่หาที่เกิด โดยคำหลังนี้เชื่อกันว่า เวลาคนตาย "วิญญาณ" ล่องลอยออกจากร่างไปหาที่เกิดใหม่ ขณะยังหาที่เกิดไม่ได้เรียก สัมภเวสี
ลองมาดูความหมายทางพระพุทธศาสนาดูว่าเหมือนกับที่ชาวบ้านเข้าใจไหม
ภูต แปลว่า สัตว์ที่เกิดแล้ว เป็นตัวเป็นตนเต็มที่แล้ว
สัมภเวสี แปลว่า สัตว์แสวงหาที่เกิด
ภูต กับ สัมภเวสี ต่างกันโดย
ก. กำหนดเอาสภาวะหรือสภาพจิตเป็นตัวแบ่งแยกความแตกต่าง คือ สภาพจิตของปุถุชนและพระเสขะที่ละกิเลสไม่ได้หมด (ในที่นี้หมายเอาเฉพาะพระโสดาบันและพระสกทาคามี) เป็นสัมภเวสี สภาพจิตของพระอรหันต์ เรียกว่า ภูต
ข. กำหนดเอาระยะเวลา เป็นตัวแบ่งแยกความแตกต่าง คือขณะสัตว์อยู่ในครรภ์หรือไข่เป็นสัมภเวสี คลอดออกมาจากครรภ์หรือไข่แล้วเป็นภูต
หรือในจำพวกสัตว์ผุดเกิด (เช่น เทวดา สัตว์นรก) ขณะจิตแรกหรืออิริยาบถแรกที่เกิดขึ้นเรียกสัมภเวสี หลังจากขณะจิตแรกหรือหลังจากเปลี่ยนอิริยาบถเป็นภูต
ในบทแผ่เมตตาตอนหนึ่งว่า ภูตา วา สัมภเวสี วา สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา แปลว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นภูต หรือสัมภเวสี ขอให้จงมีตนประสบความสุขเถิด
มิได้หมายความว่าแผ่เมตตาให้ภูตผีหรือวิญญาณเร่ร่อน ตามความเข้าใจของคนทั่วไป หากหมายถึงแผ่ให้ทั้งคนทั้งสัตว์ดังตามความหมายในข้อ ก. และข้อ ข. ข้างต้น
เฉพาะสัมภเวสีที่แปลว่า "เร่ร่อนหาที่เกิด" มิได้หมายเอา "วิญญาณเร่ร่อน" เพราะแนวคิดเรื่องวิญญาณเร่ร่อน ไม่มีในพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเชื่อว่าพอตายลงจิตหรือวิญญาณก็ดับ (ขันธ์ 5=รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณดับหมด) แต่ดับปุ๊บก็เกิดปั๊บในภพใหม่ทันที จะเกิดเป็นอะไรแล้วแต่กรรมที่ทำจะจัดสรรให้เป็นไปเอง
ไม่มีช่องให้วิญญาณเร่ร่อนไปที่ไหน ส่วน "ผี" ที่คนพบเห็นบางครั้งบางคราวนั้น เป็นสัตว์ (being) ชนิดหนึ่ง
ทางพระเรียกว่า อสุรกาย ไม่รู้จะ Comment อะไรครับ เอาเป็นว่า ได้ความรู้เพิ่มเติม เรื่อง "สัมภเวสี" มากครับ สัมภเวสี
คนทั่วไปเข้าใจว่า ภูต หมายถึงผี บางทีเรียก ...
ต้นฉบับโพสโดย ชลาพุชะ เมื่อ 24-12-2009 23:14 http://khalong.com/board/images/common/back.gif
พระพุทธศาสนาเชื่อว่าพอตายลงจิตหรือวิญญาณก็ดับ (ขันธ์ 5=รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณดับหมด) แต่ดับปุ๊บก็เกิดปั๊บในภพใหม่ทันที จะเกิดเป็นอะไรแล้วแต่กรรมที่ทำจะจัดสรรให้เป็นไปเอง
เราเองก็ศึกษามาอย่างนี้ คือเมื่อจิตดับแล้วจากภพภูมินี้ ก็จะไปเกิดในภพภูมิใหม่ทันที ตามแรงเหวี่ยงของกรรมที่จะจัดสรรไป ขอบคุณข้อมูลดีๆที่แบ่งปัน
จิตนี้ดูซิ พระพุทธเจ้าพูดไม่มีผิดแม้แง่หนึ่งนะ ...
ต้นฉบับโพสโดย iching เมื่อ 19-12-2009 22:26 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif
{:8_165:}{:8_179:} {:8_179:} {:8_179:} เป็นจริงดังท่านว่ามาทุกประการ สาธุ {:2_26:} {:8_179:} กระทู้ปีที่แล้วนิ....19-12-2009 22:26 {:7_144:} กระทู้ปีที่แล้วนิ....19-12-2009 22:26
ต้นฉบับโพสโดย kaineverdie เมื่อ 10-11-2010 13:18 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif
ก้อ...ท่านไก่ ไม่นำ มาลง ให้อ่านนิ
ก้อเลยต้องอ่าน ย้อนหลัง?....จัดให้ด่วนๆ อภิญญาธรรม....{:8_179:} สาธุ {:8_179:}{:8_179:}{:8_179:} สาธุ {:8_169:}ความรู้ใหม่
หน้า:
[1]
2