เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:18

กรรมวิธีทํานางกวักแบบโบราณ

กราบเคารพครูบาอาจารย์ อาจารย์ไตรลักษณ์ที่มอบความรู้ให้กับชนรุ่นหลัง

เศรษฐกิจช่วงนี้นํ้ามันแพงค้าขายไม่ดี อยากรู้วิธีทํานางกวัก นี่คือคําพูดของท่านที่เมลล์ไปหาผม ก็ขอตอบในที่นี้ก็แล้วกันนะครับ สมัยก่อนโรงหล่อทองเหลืองไม่ค่อยมี หลวงปู่หลวงพ่อจึงทํานางกวักขึ้นเองจากวัตถุธรรมชาติ เช่น แกะจากรากไม้มะยมตายพราย(ยืนต้นตายเอง) รากที่ชี้ไปทิศตะวันออกถึงจะขลัง หรือแกะจากกาฝากต่างๆ เช่นกาฝากมะรุม, กาฝากรักซ้อน, กาฝากคูณเป็นต้น และปั้นนางกวักจากดิน ถ้าสังเกตุดีๆนางกวักสมัยก่อนไม่ค่อยสวยหรอกครับแต่ขลัง เพราะทํามาจากภูมิปํญญาชาวบ้าน ส่วนดินนั้นต้องมีพิธีรีตรองเลือกชื่อที่เป็นมงคลนามและต้องพลีบอกขอกับแม่พระธรณี,เจ้าที่เจ้าทาง จะไปเอามาเฉยๆไม่ได้ เพราะคนสมัยก่อนเขาถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเจ้าของ ฉะนั้นดินที่จะนํามาทํานางกวักตามตําราโบราณต้องเป็นดินเจ็ดนคร, ดินเจ็ดท่า, ดินเจ็ดจอมปลวกเป็นต้น ดินเจ็ดนครนั้นต้องเลือกเมืองใหญ่ๆที่เจริญคนพลุกพล่าน เช่นดินนครเวียงพิงค์เชียงใหม่, ดินทุ่งเศรษฐีกําแพงเพชร, ดินนครสวรรค์ , ดินนครราชสีมา, ดินนครปฐม, ดินนครศรีธรรมราช , ดินกรุงเทพมหานครเป็นต้น ต้องเอาตรงใจกลางเมืองแถวๆศาลหลักเมือง ส่วนดินเจ็ดท่าต้องเป็นดินแถวท่าเรือข้ามฝั่งที่มีคนพลุกพล่านถึงเจ็ดแห่ง และดินจอมปลวกเจ็ดที่ อย่างอื่นก็มีว่านจําพวกเมตตามหานิยมเช่นว่านนางกวัก, ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว จันทร์แดง จันทร์เขียว, ว่านช้างประสมโขลง, ใบเงิน ใบทองเป็นต้น นํามาตากให้แห้งแล้วบดผสมดินปั้นเป็นรูปนางกวัก ดูฤกษ์ยามศรี ขณะปั้นต้องภาวนาคาถาอาการ32 จนเสร็จขั้นต่อไปรอปลุกเสกครับ

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:19

ปัจจุบันนี้นางกวักคงจะไม่ปั้นจากดินแล้ว หล่อจากทองเหลืองสําเร็จรูปเลย แต่ใต้ฐานจะกลวงให้หาว่านจําพวกเมตตามหานิยมและมวลสารที่เป็นมงคลเท่าที่จะหาได้ตากให้แห้งบดเป็นผง ผสมปูนปลาสเตอร์ละลายนํ้าอุดไว้ใต้ฐานนางกวัก จับนางกวักหงายท้องสัก3ถึง4วัน เพื่อให้ปูนผสมผงแห้งสนิทไม่งั้นจะเป็นไอนํ้าอาจเกิดเชื้อราได้

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:19

ต่อไปก็ถึงวิธีปลุกเสก หาฤกษ์หายามวันศรีแห่งเมตตา ปลุกโดยบรรจุธาตุหนุนธาตุ ใส่อาการ32 ว่าดังนี้ ปลุกแม่ธาตุว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะ, นะโมพุทธายะ มะพะทะนะ ภะกะสะจะ มะ, นะโมพุทธายะ พะทะนะมะ กะสะจะภะ อะ, นะโมพุทธายะ ทะนะมะพะ สะจะภะกะ อุ/ เป่าลงไปยาวๆที่นางกวัก แล้วหนุนธาตุว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ, นะโมพุทธายะ มะพะทะนะ ภะกะสะจะ มะนะนะมะ มะอะอะมะ มะอุอุมะ, นะโมพุทธายะ พะทะนะมะ กะสะจะภะ อะนะนะอะ นะมะมะอะ อะอุอุอะ, นะโมพุทธายะ ทะนะมะพะ สะจะภะกะ อุนะนะอุ อุมะมะอุ อุอะอะอุ/ (ท่านที่ศึกษาใหม่อาจจะงง นี่คือการตั้งธาตุ4 ดิน นํ้า ลม ไฟ แล้วหนุนธาตุ เพราะสิ่งมีชีวิตทุกอย่างต้องมีธาตุทั้ง4ครับ)

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:20

ต่อจากกนั้น เรียกรูปเรียกนามว่า ปัญจักขันธา รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขันโธ ตัตถะ กะตะโม รูปักขันโธ ยังกิญจิรูปัง อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนังอัชฌัตตังวา พะหิทธาวา โอฬาริกังวา สุขุมังวา ฮีนังวา ปะณีตังวา ยังทูเรวา สันติเกวา ตะเทกัชฌัง อะภิสัญญูหิตวา อะภิสังขิปิตวา อะยังวุจจะติ รูปักขันโธ/ แล้วเป่ายาวๆลงไปที่นางกวักครับ

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:20

ต่อจากนั้นว่าอาการ32 อัตถิ อิมัสมิง กาเย เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ มังสัง นะหารู อัฏฐี อัฏฐิมิญชัง วักกัง หะทะยัง ยะกะนัง กิโลมะกัง ปิหะกัง ปัปผาสัง อันตัง อันตะคุณัง อุทะริยัง กะรีสัง ปิตตัง เสมหัง ปุพโพ โลหิตัง เสโท เมโท อัสสุ วะสา เขโฬ สิงฆาณิกา ละสิกา มุตตัง มัตถะเก มัตถะลุงคันติ/ แล้วเป่าลงไปยาวๆที่นางกวัก

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:21

ต่อจากนั้นก็ว่า บังสกุลเป็น3จบ ดังนี้ อะจิรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง/

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:21

ต่อจากนั้นปลุกบริกรรมคาถานางกวักให้เป็นหนึ่งเดียวกับจิตว่า " โอม มหาสิทธิโชคอุดม โอม ปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียวชื่อนางกวัก ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงทัก รู้จักทุกตําบล คนรักถ้วนหน้า โอม พวกพานิชชาค้าหัวแหวน พากูไปค้าถึงเมืองแมน ค้าแหวนก็ได้แสนทะนาน กูค้าสารพัดการได้กําไรคล่องๆ กูจะค้าเงินก็เต็มกองทองก็เต็มหาบ กลับมาเรือนสามเดือนเลื่อนเป็นเศรษฐี สามปีเป็นพ่อค้าสําเภา โอม ปู่เจ้าเขาเขียวประสิทธิ์ให้แก่กูคนเดียวสวาหะ" ครับแล้วจะปลุกคาถามหาลาภบทอื่นเติมลงไปอีกก็จะเป็นการดีครับการบูชาแม่นางกวัก ควรจะมีกระจกส่องหน้าบานเล็ก หวี นํ้าอบไทย แป้งหอม พวงมาลัยสด ผลไม้ นํ้าแดง และผ้าสามสีผูกที่ฐานท่าน ธูปหอม5ดอกครับผม

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:22

ขอฝากข้อคิด หลวงปู่ชาสอนว่า คนไม่รู้จักสุขไม่รู้จักทุกข์นั้น จะเห็นว่าสุขกับทุกข์มันคนละระดับคนละราคากัน ส่วนผู้แจ่มแจ้งแล้วทั้งหลาย ท่านเห็นว่า สุขเวทนากับทุกเวทนามันมีราคาเท่ากัน เราคิดว่าจิตเป็นสุข จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุข ไม่ได้สร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงเราต่างหาก จิตที่ไม่ได้ฝึกไว้ดีจึงหลงอารมณ์ ฉะนั้นเราจึงต้องฝึกจิต ให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ไม่ให้ไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:23

แก้ไขล่าสุด เชน เมื่อ 2-8-2010 21:26

ผมอยากจะฝากบอกคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะสนใจศึกษาคาอาคมนะครับ ยุคปัจจุบันกับสมัยก่อนต่างกันราวฟ้ากับดิน โดยเฉพาะความเจริญทางเทคโนโลยี่ สมัยผมเป็นวัยรุ่นไม่มีกระทั่งสมุดปากกาจดคาถา ต้องเรียนกันปากเปล่าท่องจํา ครูบาอาจารย์จะสอนพื้นฐานทีละบท จนกว่าจะจําได้จึงต่อบทอื่นให้ สมัยนี้มีอินเตอร์เนตอยากรู้อะไรง่ายนิดเดียว แต่ความง่ายความสะดวกกับเป็นอุปสรรคสําคัญของผู้เรียนคาถาในคนรุ่นใหม่นี้ เพราะได้มาง่ายจึงประมาทมองไม่เห็นคุณค่า ยกตัวอย่างเช่นคาถาที่ลงในเวปนี้ตั้งแต่แรกเริ่มเลยจนถึงปัจจุบัน แทบจะครอบคลุมทุกด้าน แต่คนรุ่นใหม่ไม่เข้าใจมองข้าม กลับถามว่าอยากได้คาถาที่ใช้แล้วได้ผลเลย เอ! แล้วคาถาที่ลงไว้แล้วๆมารู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ผล แสดงว่าคุณเข้าใจเรื่องคาถาผิด คิดว่าพอท่องคาถาแล้ว สามารถหายตัว ดําดิน เหาะเหินเดินอากาศได้เลย หรือท่องคาถามหานิยมปั้ปก็ให้คนรักปุ้ป พูดง่ายๆว่าอยากเห็นอภินิหารเลย คือจะขึ้นยอดเลย ไม่ผ่านฐานก่อน คุณลองหยุดคิด แล้วถามตัวเองว่า ทําไมเราจึงใช้คาถาไม่ได้ผล ทีคนอื่นใช้กับได้ผล คนที่เก่งไม่ว่าหลวงปู่หลวงพ่อหรืออาจารย์หลายๆท่านที่เก่งเพราะอะไร ท่านก็คน เราก็คน ท่านกินข้าวไม่ได้กินเหล็กไหล เราก็กินข้าว ทําไมท่านเก่ง เราจะเก่งอย่างท่านได้อย่างไร ต้องหาสาเหตุเคล็ดลับว่าการใช้คาถาให้ได้ผลทําอย่างไร?

เชน โพสต์เมื่อ 2-8-2010 21:24

ถ้าจะเปรียบเหมือนรถยนต์ คาถาคือพวงมาลัยหันไปหาทิศที่ต้องการ แต่ขาดแรงเคลื่อน จิตคือเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนไปได้ ต้องคู่กับพวงมาลัยคือคาถา จึงจะสัมฤทธิ์ผล ทีนี้คุณรู้แต่ตัวคาถาท่องไปแล้วไม่ได้ผล เพราะคุณขาดจิตที่มีพลังที่จะส่งผลให้คาถาเห็นผล ฉะนั้นนี่คือสาเหตุหลัก คุณต้องเติมสิ่งที่คุณยังขาดอยู่ โดยการฝึกจิตให้มีพลัง ฝึกอย่างไร พูดให้เข้าใจง่ายคุณต้องฝึกสมาธิ จนจิตคุณแก่กล้า แต่ต้องใช้เวลาและความเพียร ความอดทน ความมีมุมานะ ความขยันอย่างแรงกล้าพอสมควร ก้าวทีละขั้นอย่างมั่นคงแล้ววันนึงจะถึงจุดหมายที่ปราถนา ไม่มีครูหรืออาจารย์ไหนจะสอนคุณได้ดีเท่าตัวคุณเอง หมั่นค้นคว้าศึกษาวิธีการปฏิบัติสมาธิ ซึ่งหาได้ง่ายมากตามเวปปฏิบัติธรรมและหนังสือที่มีขายตามตลาดมากมาย ช่วยตัวเองก่อนแล้วพระเจ้าจะช่วย/ ด้วยความปราถนาดีครับผม

Jay โพสต์เมื่อ 3-8-2010 08:46

http://i417.photobucket.com/albums/pp257/Angkrid/Jay-Angkrid/73a2b285.gif

ขอบคุณครับท่าน ...ได้ความรู้ดีๆ เยอะเลยครับ

{:5_107:} มีรูปนางกวักแบบโบราณ ให้ชมบ้างใหมครับ ...

TenThai โพสต์เมื่อ 12-2-2012 17:50

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: กรรมวิธีทํานางกวักแบบโบราณ