pramate โพสต์เมื่อ 8-7-2010 08:38

ที่มาของคาถาจักร์พรรดิ์




โดย พี่สิทธิ์

หลังจากที่ผู้เขียนสอบสัมภาษณ์ปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว ได้กลับมานมัสการหลวงพ่อพร้อมกับรายงานผลเนื่องจากก่อนจะสอบ ผู้เขียนได้ขอบารมีหลวงพ่อดู่ให้ช่วยเหลือ ท่านพยักหน้ารับ ซึ่งในวันนั้นหลวงพ่อมีอารมรณ์แจ่มใสมาก ท่านพูดว่า

"ข้าอธิษฐาน บารมีพระ แผ่บุญกุศลไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาแกนั่นแหละ เอาบุญให้เขา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา สามคนข้ารู้ชื่อแต่อีกคนไม่รู้ เลยขอให้สามคนถาม อีกคนคอยนั่งฟัง"

ซึ่งก็เป็นจริงดังที่หลวงพ่อพูดไว้

ผู้เขียนได้สนทนากับท่านจนถึงเรื่อง 'คาถามหาจักพรรดิ์'

ผู้เขียน "หลวง พ่อเป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ คาถามหาจักรพร รดิ์ ใช่มั้ยครับ"

หลวงพ่อ "สำเภาเขา สร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระก็เลยมานึกเอา เอง มันจะผิดอยู่หน่อยหนึ่งตรงคำบูชาที่มีนะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง"

ผู้เขียน "ปกติการตั้งองค์พระ การอธิษฐานให้เป็นพระ โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังการที่หลวงพ่อกล่าวเช่นนี้ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าปางมหา จักรพรรดิ์ใช่ไหมครับ"

หลวง พ่อพยักหน้ารับพร้อมทั้งกล่าวว่า

"คาถาบทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสิวลีผู้เป็นเลิศทางลาภไว้ด้วย อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆจะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีใช้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหมของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี"

หลวงพ่อหัวเราะ แล้วเสริมอีกว่า

"คนเราต้องทำให้ดีเมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก
ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"

หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังถึงการปลุกเสก หรือ อธิษฐานวัตถุมงคลของท่านว่า



"นอก จากการมีพลังจิตแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์เจ็ดตำนาน"

ท่านบอกว่าดีกว่าคาถาอาคมมากมายนักเพราะเป็น เรื่องราวของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชา บทที่ท่านทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกว่า "ชมพูปติสูตร" ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูของมนุษย์และเทวดาทั้ง ปวง แสดงถึง ธรรมที่ชนะอธรรมท่านเรียกบทนี้ว่า "มหาจักพรรดิ์" พญาชมพูบดีเป็น
จักพรรดิ์มีอิทธิฤทธิ์มากแต่พ่าแพ้ต่อบุญฤทธิ์ ในที่สุดอุปสมบทได้สำเร็จอรหันตผล หลวงพ่อท่านกล่าวว่า

"ข้าป็นคนโลภมากทำอะไรก็อยากทำให้ มากที่สุด ดีที่สุด เดี๋ยวนี้ใช้แค่บทนี้ทั้งนั้น
ใครมานั่งคุมเล่าข้าเสกเขาก็รู้เอง แหละว่าทำจริงหรือไม่จริง"

ท่านเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงพ่ออีกเนื่องจากหลวงพ่อพูดว่า "ยังไม่ไปนิพพานเพราะต้องโปรดคน" แต่พระองค์นี้ไปตีความไปว่าหลวงพ่อยังติดอยู่กับ ลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริงแล้วหลวงพ่อมีเมตตาและบอกความปราถนาของท่านให้ทราบว่าท่านเป็น พระโพธิสัตว์
ผู้เขียนคัดลอกเกี่ยวกับ บท ชมพูปติสูตร หรือบทมหาจักพรรดิ์มาลงไว้เนื่องจากปัจจุบันขาดผู้สนใจ เห้นเป็นเรื่องเหลวไหล แม้แต่พระบางองค์ท่านยังกล่าวว่าเกินความจริง โดยท่านลืมนึกถึงคำว่า "อจินไตย" คือสิ่งไม่ควรคิดเพราะไม่สามารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางทฤษฎีมาทำให้เกิดความ กระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เอง ถ้าคิดมากอาจเป็นบ้า สิ่งเหล่านี้ได้แก่

1. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เช่น ทำไมท่านถึงตรัสรู้ได้ ท่านมีอิทธิปาฏิหาริย์จริงหรือ
2.วิสัย ของกรรม เช่น ทำไมคนนั้นคนนี้รวย จน สมบูรณ์ กำพร้า
3.วิสัยของพระอรหันต์ เช่น ท่านหมดโลภ โกรธ หลงหรือ
4.วิสัยของโลก เช่น โลกเกิดมาได้อย่างไร
5.วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น ลักษณะที่สงบเป็นอย่างไร สงบจริงหรือไม่

ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ลองคิดดู พระเจ้าแผ่นดินที่เกิดมาภายใต้เศวตฉัตร ถ้าพระองค์ไม่มีบุญญาธิการแล้ว ท่านจะเป็นได้อย่างไรเพราะคนไทยมีเป็นตั้งหลายสิบล้านคน นั่นแสดงถึงวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลไม่เท่าเทียมกัน มีเหตุปัจจัยจากสิ่งที่ท่านได้สร้างสมอบรมมาแตกต่างกัน โดนเฉพาะอย่างยิ่งบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมีมากขนาดไหนจึง สามารถโปรดคนได้มากมายทั้งสามแดนโลกธาตุ

บทสวดมหาจักรพรรดิ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
(ตั้ง3 จบในครั้งแรกภาวนารอบต่อไปไม่ต้องตั้งก็ได้)

นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
อะหังวันทามิ สัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
__________________
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จ.เชียงราย
http://board.palungjit.com/f178/ก

kaineverdie โพสต์เมื่อ 12-7-2010 17:34

สาธุ สาธุ สาธุ

น้ำ. โพสต์เมื่อ 3-9-2010 10:44

อนุโมทนาสาธุครับ เพิ่งสวดได้ประมาณอาทิตย์นึงครับ

smurf โพสต์เมื่อ 21-9-2010 14:25

อนุโมทนาด้วยครับ
คาถาบทนี้ถ้าได้เดินจิตภาวนาตลอดทั้งวัน จะมีอานิสงค์มากมายนัก

chayadaj โพสต์เมื่อ 6-10-2010 20:55

{:8_179:}

Uanprew โพสต์เมื่อ 30-11-2010 06:43

{:8_179:}{:8_179:}{:8_179:}

genesis โพสต์เมื่อ 7-12-2010 16:06

โมทนาสาธุ

pocko โพสต์เมื่อ 23-12-2010 09:55

แก้ไขล่าสุด pocko เมื่อ 23-12-2010 09:56

หลังสวดจบ ตามอายุ + 1 ก็ให้ตามด้วย
"สัพเพพุทธา สัพเพธรรมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส
พุทธังอธิษฐามิ ธัมมังอธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ
สัมปะจิตฉามิ ๆ ๆ ๆ ๆ"
สัก 5 ครั้ง ...สาธุ
{:7_129:}

pramate โพสต์เมื่อ 23-12-2010 22:33

หลังสวดจบ ตามอายุ + 1 ก็ให้ตามด้วย
"สัพเพพุทธา สัพเพธร ...
ต้นฉบับโพสโดย pocko เมื่อ 23-12-2010 09:55 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


    อนุโมทนา สาธุ

jane โพสต์เมื่อ 23-12-2010 22:58


ต้นฉบับโพสโดย pramate เมื่อ 8-7-2010 08:38 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


ขอบคุณมากคะ {:8_179:}

jane โพสต์เมื่อ 23-12-2010 23:01

หลังสวดจบ ตามอายุ + 1 ก็ให้ตามด้วย
"สัพเพพุทธา สัพเพธร ...
ต้นฉบับโพสโดย pocko เมื่อ 23-12-2010 09:55 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


    พี่pock0บทอัญเชิญพระเข้าตัวคืออะไรคะ

pocko โพสต์เมื่อ 23-12-2010 23:25

พี่pock0บทอัญเชิญพระเข้าตัวคืออะไรคะ...
ต้นฉบับโพสโดย jane เมื่อ 23/12/2010 23:01 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif

เชิญพระเข้าตัว แผ่บุญปรับภพภูมิส่งวิญญานและอธิษฐานจิต
สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส ( 3 หรือ 5 จบ)
พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
(ให้อธิฐานจิตแผ่แล้วอธิษฐาน)
อานิสงค์การสวดบทพระบรมมหาจักรพรรดิ
โดยย่อกล่าวคือ
บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้า
พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาร่วมถึงกำลังของ
พระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอารธนาเข้าที่กายและใจ
และรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน และอณาคต
การสวดครั้งหนึงมีอานิสงค์แผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาตุสามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพสัตว์ตลอดจนเทวดา
ประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรและหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ
บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวร่วมถึงการอารธนาบารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัวเพื่อ
ป้องกันภัยและสร้างมหาโชคมหาลาภ
อานิสงค์แก่ผู้สวดมีทั่งมหาบุญมหาลาภเนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้มีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐาน
หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมาคลุมและคุมการปฎิบัติของเรา
คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)
หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้
จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล

ปล.สำหรับนักปฎิบัติเบื้องต้นใช้คู่กับพระผงจักรพรรดิจะทำให้ก้าวหน้าเร็ว

พระคาถามหาจักรพรรดิก่อให้เกิดพุทธนิมิตครอบสถิตผู้ทรงคาถา

พระคาถามหาจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่แต่งขึ้นมานั้น
นอกจากท่านจะได้ทำการอธิษฐานบารมีให้ผู้สวดได้รับพลังจากพระรัตนตรัย
อย่างมหาศาลแล้ว ยังก่อให้กิด "พุทธนิมิต" เป็นวิมานแก้วพระพุทธเจ้า
มาครอบสถิตผู้สวดด้วย โดยมีลักษณะเป็นมณฑปแก้วจัตุรมุข
ปรากฎฉัพพรรณรังสีหกประการสว่างสไหวพร้อมด้วยโพธิสัตตราวุธ
ทั้ง 4 ประการ ประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ได้แก่ พระมหามงกุฎ
ตรีศูล จักรแก้ว และ พระขรรค์เพชร ทั้งหมดล้วนเป็นของคู่บุญบารมี
ของพระศรีอารย์โพธิสัตว์ โดยมี "พระมหามงกุฎ" เป็นศิราภรณ์ที่ปี่ยมไปด้วย
บุญญฤทธิ์ (หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์ระดับจตุปฎิสัมภิทาญานได้เคย
นำมาถวายหลวงปู่ดู่เป็นพุทธบูชาอีกองค์หนึงด้วย)

ส่วนอาวุธที่เหลือทั้ง 3 ล้วนเป็นเทพศาสตราวุธชั้นสูง
มีไว้เพื่อประดับบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ และเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่ง
หากสวดเป็นประจำสามารถอธิษฐานให้เกิดเป็นองค์พระพุทธนิมิต
ปางมหาจักรพรรดิได้ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์
มีความศักสิทธิ์อย่างมาก ประดับด้วยครื่องทรงแห่งพระมหาจักรพรรดิ
อย่างวิจิตรอลังการเปล่งรัศมีหลากสีด้วยแสงแห่งรัตนอัญมณี
เรียกว่า "พระมหาวิษิตาภรณ์" มาครอบสถิตผู้ภาวนา บารมีของ
หลวงปู่ดู่ที่ท่านน้อมนำอธิษฐานจิตจึงมีความศักสิทธิ์ป็นอย่างมาก
เพราะท่านใช้บารมีทั้งหมดของท่านอัญชิญกระแสบารมีแห่งพระรัตนตรัย
และตั้งองค์พระพุทธนิมิตปางมหาจักรพรรดิบรรจุลงไปในวัตถุมงคลที่บารมี
ท่านมาประจุอีกด้วย

พอเข้ามากขึ้นไหมครับ{:7_138:}

chayadaj โพสต์เมื่อ 24-12-2010 11:34

{:8_179:}

jane โพสต์เมื่อ 26-12-2010 23:01

เชิญพระเข้าตัว แผ่บุญปรับภพภูมิส่งวิญญานและอธิษฐา ...
ต้นฉบับโพสโดย pocko เมื่อ 23-12-2010 23:25 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif

ขอโทษค่ะที่ตอบช้า เพราะกลับบ้านหลายวันพึ่งมา   "เก็ทแล้วคะ พี่pockoขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่อธิบายให้ข้อมูลความรู้จนกระจ่าง พอดีนู๋ได้พระผงจักระพรรดิ์ ท่านผู้แสนดีให้มา เห็นครั้งแรกอึ้ง เพราะสวยและแปลกตาคือหลังจากสวดมนต์แล้วกำตอนนั่งสมาธิ จะมีพลังบอกไม่ถูก เลยอยากรู้ให้กระจ่าง{การสวดครั้งหนึ่งเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์มาร่วมถึงกำลังของพระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอารธนาเข้าที่กายและใจ การสวดครั้งหนึงมีอานิสงค์แผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาตุ } โห.......มีพลังพลานุภาพมหาศาล จะพยามสวดทุกวันคะนอกจากวันไหนเหนื่อยและง่วนนอนจริงๆขอบคุณมากค่ะค่ะ " {:8_179:}

pocko โพสต์เมื่อ 27-12-2010 00:09

ขอโทษค่ะที่ตอบช้า เพราะกลับบ้านหลายวันพึ่งมา   "เก็ ...
ต้นฉบับโพสโดย jane เมื่อ 26/12/2010 23:01 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


    สาธุครับ
{:8_179:}
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: ที่มาของคาถาจักร์พรรดิ์