Naiin โพสต์เมื่อ 26-6-2010 10:38

กรรมทางใจที่ทำให้ร่ำรวยสูงสุด

กรรมทางใจที่ทำให้ร่ำรวยสูงสุดให้ของเหมือนกันแต่ใจแตกต่าง ก็ให้ผลผิดกันได้ลิบลับ
พระพุทธเจ้าจำแนก
อาการของใจในขณะให้ไว้เป็นต่างๆ
แต่ละอาการล้วนเป็นกำลังหนุนให้วิบากออกดอกออกผลเป็นความมั่งคั่ง
หากใครให้ทานด้วยอาการของใจดังต่อไปนี้ครบถ้วนเป็นประจำสม่ำเสมอ
ก็จะมีผลไพบูลย์สูงสุด
ส่งผลเป็นความมั่งคั่งถึงที่สุดเท่าที่ทานนั้นๆจะอำนวย
๑)
ให้ด้วยความศรัทธา คือมีความเลื่อมใสอยู่ก่อนว่าทานเป็นของดี
เป็นของที่ให้ความสุขในปัจจุบัน
และเที่ยงที่จะติดตามไปให้ความสุขแก่เราในอนาคต
ทั้งนี้ไม่ได้หมายเอาอาการโลภแบบจำเพาะเจาะจงว่าขอให้รวยเท่านั้นเท่านี้
เมื่อนั่นเมื่อนี่ อาการทางใจเช่นนั้นไม่ใช่ศรัทธาในบุญ
แต่เป็นการลงทุนของนักธุรกิจอย่างหนึ่งผู้ศรัทธาในการเอากำไรเข้าตัว
หรือถ้าให้โดยปราศจากศรัทธา ให้อย่างเสียไม่ได้ ให้เพราะจำใจ
ให้เพราะตามๆญาติมา
แม้เกิดบุญขึ้นมากก็ไม่ได้เป็นกรรมสว่างสร้างภพแห่งความมั่งคั่งแต่อย่างใด
และเมื่อมีนิสัยให้ด้วยความศรัทธาดีแล้ว
ยังมีผลให้รูปร่างหน้าตาและผิวพรรณงดงามยิ่งอีกด้วย
๒)
ให้ด้วยความเคารพ คือมีความรู้สึกอยู่ว่าการทำทานเป็นของสูงไม่ใช่ของต่ำ
จึงไม่ควรโยนให้หรือเสือกให้เหมือนเป็นของเหลือเดน
การถวายทานแด่สงฆ์จัดเป็นการฝึกใจให้ทำทานด้วยความเคารพได้อย่างดี
เพราะรู้สึกอยู่ว่าท่านใช้ชีวิตที่สะอาดสูงส่งกว่าเรา
หรืออย่างน้อยพวกท่านก็นุ่งห่มจีวรอันเป็นธงชัยพระอรหันต์
สืบทอดพระศาสนาให้ต่อเนื่องไม่สาบสูญถ้าให้ทานโดยปราศจากความเคารพ
ให้แบบโยนกระดูกลงพื้นให้ด้วยความเหยียดหยาม หรือให้แบบแดกดัน
แม้เกิดบุญขึ้นมากก็ไม่ได้เป็นกรรมสว่างสร้างภพแห่งความมั่งคั่งแต่อย่างใด
และเมื่อมีนิสัยให้ด้วยความเคารพดีแล้ว
ยังมีผลให้ดูเป็นคนน่าเลื่อมใสควรแก่การเชื่อฟังอีกด้วย
๓)
ให้โดยกาลอันควร คือให้อย่างรู้จักความเหมาะสมกับสถานการณ์ในเวลาหนึ่งๆ
เช่นเมื่อเห็นพระตาแดง ก็ขวนขวายเป็นธุระหายาหยอดตามาให้ท่าน
เห็นวัดมีทางโคจรของพระที่เฉอะแฉะ
ก็ร่วมแรงร่วมใจกันทำทางให้แห้งหรือเทปูนให้พวกท่านไปเลย
ไม่ใช่เห็นท่านอยู่ปกติก็เอายาหยอดตาไปถวายขวดเดียวโดดๆด้วยความคิดว่าสัก
วันหนึ่งท่านอาจจะตาแดง
แต่ถ้าซื้อยาสามัญครบชุดไปถวายด้วยความคิดว่าเป็นหนึ่งในปัจจัย๔
เผื่อไว้ว่าท่านอาจจำเป็นต้องใช้อย่างนี้ถือว่าให้โดยกาลอันควร
ถ้าให้ทานโดยปราศจากความเหมาะสมกับกาล
แม้เกิดบุญขึ้นมากก็ไม่ได้เป็นกรรมสว่างสร้างภพแห่งความมั่งคั่งแต่อย่างใด
และเมื่อมีนิสัยให้โดยกาลอันควรดีแล้ว
ก็จะเป็นผู้ได้ของตามต้องการในเวลาไม่เนิ่นช้าอีกด้วย
๔)
ให้ด้วยจิตอนุเคราะห์
คือให้ด้วยความปรารถนาจะช่วยผู้รับในเรื่องหนึ่งๆอย่างแท้จริง
เช่นเมื่อเลือกซื้อยาสีฟันถวายพระ
ก็หยิบเอายี่ห้อดีที่สุดที่เราทราบว่ามีคุณภาพในการรักษาเหงือกและฟัน
โดยไม่เกี่ยงงอนเรื่องราคา อย่างนี้ถือว่าให้ด้วยจิตอนุเคราะห์
ถ้าให้ทานโดยปราศจากจิตคิดอนุเคราะห์
แม้เกิดบุญขึ้นมากก็ไม่ได้เป็นกรรมสว่างสร้างภพแห่งความมั่งคั่งแต่อย่างใด
และเมื่อมีนิสัยให้ด้วยจิตคิดอนุเคราะห์ดีแล้วก็จะเป็นผู้มีรสนิยมดี
เลือกใช้ของมาทำความเพลิดเพลินเจริญสุขอันเป็นไปด้วยกามคุณ๕
ได้อย่างฉลาดอีกด้วย (ตรงนี้ขอให้สังเกตว่าบางคนเงินไม่ได้เนรมิตทุกสิ่งในชีวิตให้ดูดีโดย
อัตโนมัติ บางคนมีเงินมากก็จริง แต่ไม่รู้จักร้านอร่อย
ซื้ออาหารผิดสุขลักษณะ เลือกของแต่งบ้านไม่เป็น นั่งทำงานในที่สกปรกรุงรัง
งกเสียจนแม้ข้าวของเครื่องใช้ผุพังก็ดันทุรังใช้ต่อ
ในขณะที่บางคนมีทรัพย์สมบัติเพียงปานกลางแต่ความเป็นอยู่ดูดีคุ้มเงินยิ่ง)
๕)
ให้โดยไม่กระทบตนและผู้อื่น คือให้โดยไม่ประชดให้โดยไม่แข่งขันชิงดี
ให้โดยไม่คิดเอาหน้าเกินใครขอให้สังเกตว่าบางคนอยากได้บุญเป็นอันดับหนึ่ง
นึกว่าเป็นเช่นนั้นได้ก็ด้วยการไปอยู่หัวแถวสุดเสมอ
แทบจะใช้แขนปาดกวาดต้อนคนอื่นไปอยู่ข้างหลังเลยทีเดียว
หรือบางคนก็ทำบุญแบบเกทับกัน เช่นเห็นเขาให้ก่อน ๕๐๐
ตัวเองรีบหยิบแบงก์พันขึ้นมาสู้ จิตมีอาการคิดเบ่ง
คิดทำให้เขาเสียหน้าหรือน้อยหน้าถ้าให้ทานด้วยจิตคิดกระทบกระทั่ง
แม้เกิดบุญขึ้นมากก็ไม่ได้เป็นกรรมสว่างสร้างภพแห่งความมั่งคั่งแต่อย่างใด
และเมื่อมีนิสัยให้ด้วยจิตไม่คิดกระทบกระทั่งดีแล้ว
ก็จะทำให้ทรัพย์สินปลอดภัยจากไฟ น้ำ หรือการแย่งชิงของผู้อื่น
ถ้า
หากเกิดข้อสงสัยว่าเราจะมีอาการทางใจถึง ๕ประการพร้อมๆกันได้อย่างไร
ในเมื่อคนเราคิดได้ทีละอย่างก็ขอให้หมั่นฝึกสังเกตเถิดว่าเรายังมี ‘ข้อเสีย’ ในการทำทานอย่างไรอยู่บ้าง เมื่อรู้ตัวก็ฝึกใหม่
เช่นขณะหนึ่งในการให้รู้สึกว่าเป็นการให้เพียงด้วยกิริยาทางกาย
ใจไม่เป็นสุขแห้งแล้งเหมือนดอกไม้ขาดฝน
ก็ควรศึกษาประโยชน์ของทานทั้งปัจจุบันและอนาคตให้ดี
น้อมใจว่าการให้ทานก็คือการสละยางเหนียวเหนอะหนะของความตระหนี่
เมื่อทำลายความทึบย่อมเกิดความรู้สึกโปร่งโล่งเบาสบาย
และการให้ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาว่าผลทานจะบันดาลสุขทางโภคทรัพย์ยิ่งๆขึ้น
ไปในอนาคต จิตก็จะได้คิดปลื้ม เลิกทำทานแบบบัวแล้งน้ำเสียได้
การสังเกตข้อเสียในการทำทานไปทีละข้อจนเห็นว่าไม่เหลือข้อเสียแล้วนั่นแหละเป็นที่มาของกรรมทางใจที่จะบันดาลผลให้มั่งคั่งสูงสุด
คน
ส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดอยู่ว่าทำแบบใหญ่พรวดพราดโครมเดียวแล้วจะรวยทันใจ
ทั้งปัจจุบันและอนาคตความจริงคือถ้าอาการทางใจยังไม่สมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว
ผลของทานก็มักจะยังไม่ปรากฏตัว ต่อเมื่อใจเริ่มเป็นสุขมีความสมัครใจ
มีความยินดีแท้จริงจากส่วนลึกว่า‘อยากให้’ โดยปราศจากเงื่อนไขทั้งปวง
จะเหมือนพลังความสุขแห่งทานเอ่อล้นจากภายใน
ส่งคลื่นรบกวนเหตุการณ์ภายนอกให้แปรปรวน กลับดำเป็นขาวกลับมืดเป็นสว่าง
กลับแคบเป็นเปิดกว้างไปด้วยต่อให้เคยฝืดเคืองลำบากลำบนอย่างไร
ก็เหมือนจะมีตัวช่วยตัวหล่อลื่นให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และ
ถ้ามีน้ำจิตเป็นทาน หรือที่เรียกว่ามีทานจิตอย่างสมบูรณ์
วันไหนไม่มีโอกาสสละให้แล้วรู้สึกเหมือนชีวิตขาดบางอย่างไป
นั่นแหละกรรมได้เตรียมภพอันเปิดกว้างสว่างสบายตามจิตไว้แล้ว
เมื่อเคลื่อนจากชาติปัจจุบัน ละโลกนี้ไปแล้ว
กรรมย่อมเลือกสรรให้ไปอยู่ในภพซึ่งมีความสุกสว่างรุ่งโรจน์ทางการเงินอย่าง
แน่นอน บุญใดที่เกิดขึ้นจากบทความนี้ บุญนี้จงสำเร็จแก่ เทวดาประจำตัว –เจ้ากรรมนานเวรที่มาถึงเบียดเบียนข้าทั้งภายในและภายนอก–ญาติทิพย์– ให้เชื้อโรคในตัวของข้า
และผู้ที่ต้องการ บุญข้าตลอดไป

   

sukalya โพสต์เมื่อ 30-6-2010 11:25

ขออนุโมธนาบุญด้วยสาธุๆๆๆๆ

kaineverdie โพสต์เมื่อ 30-6-2010 14:52

พื้นฐานการให้ที่ดี ขอบคุณ

cho โพสต์เมื่อ 4-7-2010 08:35

แก้ไขล่าสุด cho เมื่อ 4-7-2010 08:36

๕) ให้โดยไม่กระทบตนและผู้อื่น คือให้โดยไม่ประชดให้โดยไม่แข่งขันชิงดี ให้โดยไม่คิดเอาหน้าเกินใคร


ข้อนี้เคยมีประสบการณ์ค่ะ!
คือเรามักทำบุญด้วยจิต 'ปรารถนา' ปรารถนาจะทำอ่ะค่ะ..ไม่ได้คิดอะไร..มีน้อยทำน้อย!! ไม่วายก็มีคนเอาไปพูด

แหม..รวยจะตายทำบุญแค่นี้?

ทีนี้พอเราทำเยอะ... มันก็ไม่วายเอาเราไปนินทาอีกว่า.... หนอยหวังชื่อเสียง!!

คนพวกนั้นน่าสงสารมาก... ประเภทร่างเป็นคนแต่มีปากเป็นสัตว์เดรัจฉาน...

ขอบคุณบทความของนายอินทร์นะ...

pocko โพสต์เมื่อ 6-7-2010 16:54

ก็คงต้องว่ากันตามคำสอนของพระพุทธองค์ด้วยว่า
"ทางสายกลาง"

Jay โพสต์เมื่อ 2-3-2011 01:25

ก็คงต้องว่ากันตามคำสอนของพระพุทธองค์ด้วยว่า "ทางสายกลาง ...
ต้นฉบับโพสโดย pocko เมื่อ 6-7-2010 16:54 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif

{:8_179:}   สาธุ

Uanprew โพสต์เมื่อ 15-3-2011 07:47

อนุโมทนาสาธุครับ{:8_165:}

wawatep โพสต์เมื่อ 17-3-2011 11:30

การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวงครับ....สาธุ

Naiin โพสต์เมื่อ 17-3-2011 16:14

การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวงครับ....สาธุ ...
ต้นฉบับโพสโดย wawatep เมื่อ 17-3-2011 11:30 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif
แต่ไม่ควรลืมทานทั้งปวง เพื่อธรรมทานจะได้บริบูรณ์

wawatep โพสต์เมื่อ 17-3-2011 20:28

ตอบกลับ 9# Naiin


    ผมหมายความว่าคุณเอาธรรมะอันนี้มาเผยแพร่ ก็หมายถึงการให้ธรรมเป็นทานครับ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าให้ใช้ธรรมเป็นทานอย่างเดียวโดยไม่ทำทานอย่างอื่นครับพี่น้อง......เจตนาโดยรวมการทำทานทุกอย่างด้วยใจบริสุทธิ์ย่อมดีทั้งนั้น แต่การบอกธรรมหรือการเผยแผ่ธรรมะให้แก่คนอื่น(เหมือนกระทู้นี้ของคุณ)ที่นำธรรมะหรือข้อคิดดีๆ ให้ผู้อื่นได้เก็บไปคิดไปทำตาม ย่อมดีเลิศครับ(จึงเปรียบได้ว่าชนะการให้ทั้งปวง).............สาธุ

Naiin โพสต์เมื่อ 17-3-2011 20:50

อนุโมทนา ครับ

TenThai โพสต์เมื่อ 11-3-2012 10:14

สาธุๆๆ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: กรรมทางใจที่ทำให้ร่ำรวยสูงสุด