"เนื้อสัตว์ กินหรือไม่กิน ไม่เกี่ยวกับมรรคผล" (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง จ
http://palungjit.com/feature/data/514/544724_364664993598938_1787258612_n.jpg"เนื้อสัตว์ กินหรือไม่กิน ไม่เกี่ยวกับมรรคผล"
ผู้ถาม : "กระผมเป็นฆราวาส กินอาหารมื้อเดียว ทำอย่างนี้โดยตลอด
ไม่ทราบว่าจะมีอานิสงส์เป็นไปข้างหน้าอย่างไรครับ...?"
หลวงพ่อ : "อานิสงส์ปัจจุบัน คือ
๑. เปลืองอาหารน้อย เพราะกินเวลาเดียว
๒. มีเวลาทำงานมากขึ้น ข้างหน้าต่อไปอานิสงส์ใหญ่ คือ ตาย
กินเวลาเดียวยังวัดฐานะอะไรไม่ได้เลย อย่าไปนึกว่ามันดีเด่นกับใครเขานะ
กินเวลาเดียว กิน ๒ เวลา กิน ๓ เวลา มีความหมายเสมอกัน สำคัญว่า "ใจตัดกิเลสได้หรือเปล่า" เขาเอากันตรงนั้น
ถ้าถือแค่กินนี่มันมานะทิฏฐิ เป็นกิเลสหยาบมาก
อีกอย่างหนึ่งตายเร็วมาก อย่าไปนึกว่าดีนะ และถ้านั่งคุยว่านี่ฉันกินเวลาเดียวเสร็จเลย โอ้อวด นี่เป็น มานะกิเลส พังเลย"
ผู้ถาม : "อย่างนี้แทนที่จะไปดี ก็เลยไป...."
หลวงพ่อ : "ก็ไปดี หมายความว่าก่อนจะไปก็เปลืองน้อย
เพราะฉะนั้นอย่าถือเป็นเรื่องสำคัญนะ ไอ้กินเวลาเดียว ๒ เวลา กินเนื้อสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ นี่อย่านะ
อย่าถือเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ต้องตอบอย่างหลวงปู่แหวน
เคยมีคนมาเล่าให้ฟัง มีคนหนึ่งแกบอกหลวงปู่แหวนว่า "เวลานี้ผมถือมังสวิรัติครับ ไม่กินเนื้อสัตว์"
หลวงปู่แหวนท่านบอก "ไอ้วัวควายกินหญ้าตั้งนานไม่เห็นเป็นพระอรหันต์ซักตัว" ตอบนำสมัย ไม่ใช่ทันสมัย
ถ้าเรื่องเป็นความจริงตามนั้น แต่การกินไม่มีความหมายในการปฏิบัติ แต่ปฏิบัติจริงๆ มันอยู่กับ
๑. เข้าถึงสะเก็ดพระศาสนาแล้วหรือยัง
๒. เข้าถีงเปลือก เข้าถึงกระพี้ เข้าถึงแก่นแล้วหรือยัง เข้าถึงแก่นนี่ยังใช้ไม่ได้นะยังเป็นเหยื่อของอบายภูมิ
จะต้องเข้าถึงพระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ เขาวัดกันตรงนี้ อย่าไปวัดกันแค่กิน"
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี กราบสาธุเลยครับท่าน ได้ใจจริงๆๆๆเลย {:8_165:} อันนี้ชอบมากครับผม ผมก็ชอบฟังธรรมเทศนาจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ในเว็บอะครับ {:2_27:} {:8_179:}{:8_179:}{:8_179:} {:8_179:}{:8_179:}{:8_179:}
หน้า:
[1]