iching โพสต์เมื่อ 3-6-2012 21:38

กระทู้เฉพาะ อ.อ้วน หมอผี เพื่อประกาศศักดิ์ดาให้กระฉ่อนทั่วแผ่นดินนี้ครับ

เนื่องจากประสบการณ์ของ วัตถุมลคล ของอาจารย์อ้วน หมอผี ทีผมได้ประสบพบเจอมากับตัวเองเเล้วในวันนี้ http://khalong.com/board2/thread-18867-1-1.html นั้น ผมอยากให้ลูกศิษย์ สายตรงของ อ.อ้วน ซึ้งผมเห็นว่ามีอยู่มากในระดับหนึ่ง ได้สร้างกระทู้ของ อ.อ้วน เพื่ออัพเดตข่าวสารของ อ. ครับไม่ทราบว่า พอมีทางที่จะเป็นไปได้ไหม ผมเห็นมีกระทู้ที่เป็นเฉพาะ ครูอาจารย์ ของหลายๆท่านในเมืองนี้ซึ่งผมก็เพิ่งจะรู้จักอาจารย์เมื่อไม่นาน เผื่อใครที่ต้องการหาของบูชาที่เป็นของอาจารย์จะได้ไม่ต้องไม่หาที่ไหนครับเเละจะได้เป็นการเผยเเพร่ชื่อเสียงของ อาจารย์ให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ ถ้าทำได้ก็ดีแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ

phoewan โพสต์เมื่อ 21-7-2014 22:07

วันนี้มีคนสอบถามกระผม ว่าทำไมสะสมหรือเล่นสายเสน่ห์ โดยเฉพาะของอาจารย์อ้วนหมอผี ที่เน้นไสยศาสตร์มากกว่าพุทธคุณและน่ากลัว กระผมตอบท่านผู้นั้นไปว่า


"ใช่ท่านแนวไสยศาสตร์ ออกจะน่าขนลุกนิดหน่อย......นั่นถูกแล้ว"

แต่กระผมไม่มองตรงนั้นนะท่านนะ
กระผมมองด้วยตัวตนของอาจารย์อ้วนท่าน   ท่านเป็นผู้ที่เคารพในครูบาอาจารย์ของท่านสูงมากท่านหนึ่ง
ท่านไม่เคยผิดคำครูบาอาจารย์ยึดมั่นตามคำครูแม้ในบางครั้งท่านต้องจำเหนื่อยจำทน โดยไม่มีสิ่งตอบแทน ท่านก็ยังต้องทำเต็มกำลังเพราะรับปากครูบาอาจารย์ไว้

ด้วยชื่อเสียงที่ท่านมีท่านสามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้สบายๆ มากมายแค่ไหนก็คงไม่ยาก จะกี่สิบกี่ร้อยล้าน ก็คงไม่ยากหากท่านดำริจะตั้งสำนักให้ใหญ่โตเหมือนสำนักอื่นๆ ลูกศิษย์ลูกหาคงดำเนินการให้ท่านโดยไม่ลำบากใดๆ
แต่ก็เปล่าท่านไม่เคยฉวยโอกาสแบบนั้นท่านไม่ทำอะไรที่เป็นธุรกิจโดยนำความศรัทธาของลูกศิษย์มาเป็นช่องทางทำกินนั่นยิ่งทำให้ลูกศิษย์ทั้งหลายรักและเคารพท่านมาก รวมถึงกระผมด้วย


ที่สำคัญ ท่านจะพูดแบบตรงไปตรงมาตั้งแต่รู้จักกันเลยว่าท่านมีความเป็นตัวตนของท่านสูงมากจะคบหากันต้องเข้าใจซะก่อนท่านไม่ใช่เทพ เทวดา หรือผู้ศักดิ์สิทธิ์อะไร ไม่ต้องยกท่านเหนือมนุษย์ธรรมดาทั่วไปท่านยังมีรัก-โลภ-โกรธ-มีหลง อยู่ เหมือนคนธรรมดาทั่วไป


ถ้าเข้าใจตรงกัน ท่านก็จะเปิดใจเต็มที่กับลูกศิษย์ทุกคนท่านบอกท่านเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ได้ร่ำเรียนวิชามาจากครูบาอาจารย์ และก็ถือปฏิบัติตามวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา และระลึกคำครูอยู่เสมอ สิ่งใดที่ท่านไม่ได้เคยร่ำเรียนมา ท่านจะไม่อวดรู้และแสดงตนว่ารู้หรืออุปโลกตัวเองขึ้นมา


นั่นล่ะท่าน....คือสิ่งที่ยึดโยงท่านเอาไว้กับครูบาอาจารย์และลูกศิษย์ทั่วไปของท่าน เช่นกระผมกระผมเคารพรักท่านเพราะท่านเป็นแบบนี้    ส่วนผลของการบูชาวัตถุมงคลของท่านในเรื่องอื่นๆนั้นกระผมก็จะถือเป็นผลพลอยได้ที่นอกเหนือตัวตนของอาจารย์อ้วนที่กระผมนับถือเท่านั้นเอง นะท่านนะ

ไม่ใช่ว่ากระผมจะมุ่งไปในทางไสยศาสตร์เพื่อมุ่งหวังผลโดยไม่ดูธรรมะในใจของเจ้าสำนักซะเลยนะท่านนะ

อันนี้เป็นความนับถือส่วนตัวจริงๆท่าน   ส่วนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดา-มารดา นั้นอยู่เหนือขึ้นไปในจิตวิญญาณ ซึ่งกระผมถือและตั้งไว้เป็นองค์ประธานโดยตลอดท่าน

จากใจนะท่านนะ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กระผมตอบไปแบบนี้ และเชื่อว่าผู้เล่นสายเสน่ห์ทุกท่าน ก็คงมีแนวปฏิบัติที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะสำนักใด
ใช่มั๊ยท่านทั้งหลาย?

perfecthome08 โพสต์เมื่อ 9-6-2015 17:02

ขุนแผนหมื่นทัพ ออกมา1000 ตอนนี้ 1500 ได้ไง    พุธพานิช รึ

phoewan โพสต์เมื่อ 11-11-2014 23:07

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย phoewan เมื่อ 11-11-2014 23:16

ผช = ผู้ช่วยรึท่าน (อย่าโกรธานะท่านนะ เอาฮาน่ะท่าน)

พ่อขุนแผนหมื่นทัพและดวงจิตทิพย์นั้นมีดีครอบจักรวาล ดีหลายอย่าง แต่ก็มิได้เจาะจงให้เด่นไปด้านใดด้านหนึ่ง
บางท่านใช้ไม่เป็นจึงกลายเป็นว่าได้บางอย่างบางอย่างหลุดไปก่อนบูชาท่านทั้งหลายต้องถามตัวเองก่อนนะท่านนะ
ว่าต้องการผลลัพท์ไปในทางไหน


เปรียบไปตัวท่านทั้งหลาย ก็เหมือนดั่งตาแป๊ะตกเบ็ด   สิ่งที่ท่านมุ่งหวังไม่ว่าจะหญิงหรือชายหรือก็ดั่งเป็นตัวปลา
บางคนประสบการณ์มากก็ดักปลาได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือใดๆเลย   
แต่บางคนกลัว...ก็ไม่กล้าจะลงน้ำดักปลาด้วยว่ายน้ำไม่เป็นบ้างบ้างก็กลัวตะเข้บ้างก็ว่าน้ำนั้นลึก ลงไปกลัวจมน้ำตาย


นั่นล่ะพวกเราทั้งหลายจึงต้องพึ่งพาเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อให้สามารถลงหาปลาในบึงใหญ่ได้   
แล้วครูบาอาจารย์เรา ท่านก็ดันเป็นผู้ปรุงแต่งคันเบ็ดและเหยื่อล่อปลาได้ชงัดนักแล


จะขาดก็แต่เรื่องประเภทของปลาเท่านั้น ที่ปลาแต่ละชนิดก็เลือกเหยื่อไม่เหมือนกัน
ปลาบางตัวก็ล่อไส้เดือนบางตัวล่อผักบุ้งบ้างก็กินของเน่าเหม็น ไม่เหมือนกัน

ท่านทั้งหลายจึงต้องตามหาอาจารย์ผู้รังสรรค์สร้างเบ็ดและเหยื่อนั้น เพื่อสอบถามถึงวิธีการใช้งาน
แต่ก็นั่นล่ะ ต่อให้ถามผู้ปรุงแต่งก็แล้วแต่ใครหลายคน ก็ยัง งม หาทางที่จะตกปลาขึ้นมาจากบ่อไม่ได้อยู่ดี ไม่แน่ใจว่าทำถูกวิธีหรือไม่
ที่แย่ไปกว่านั้น ส่วนมาก ยังมิรู้เลยว่าหลักเบื้องต้นในการเล่นสายนี้นั้น ต้องทำต้องฝึกตัวอย่างไร


ดังนั้นเพื่อเชิดชูครูบาอาจารย์ร่วมกัน
บรรดาศิษย์ของอาจารย์ทั้งหลาย ท่านที่มีประสบการณ์เคยสำเร็จในการใช้ของครูบาอาจารย์มาแล้วท่านก็ต้องช่วยๆกันแนะนำให้ศิษยานุศิษย์รุ่นใหม่ๆสามารถใช้วัตถุมงคลของอาจารย์ให้ได้ผลอย่างที่ท่านเคยได้ผลมาแล้ว จะได้ช่วยกันเชิดชูครูบาอาจารย์ร่วมกันและจะได้ช่วยผ่อนแรงครูบาอาจารย์ให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนและคิดการณ์อื่นบ้างก็ดีนะท่านนะเว้นซะแต่ว่าท่านเองก็มิเคยได้ประสบกับประสบการณ์อันอัศจรรย์ใจจากการใช้วัตถุมงคลของอาจารย์ เช่นนั้น ท่านก็ชี้ทางไปหาคนทำเบ็ดก็ถูกต้องดีงามแล้ว


แชร์กันแบบนี้ นั้นดีแล้ว ประเสริฐแล้ว


โชคดีท่านทั้งหลาย

boomboat โพสต์เมื่อ 7-11-2014 01:45

วันนี้ไปมาแล้วครับ เพิ่งเคยไปครั้งแรก ผมไปถึงก็5 โมงเย็นแล้ว ท่านก็ยังลงนะให้ครับ
เท่าที่เห็น อ.ท่านใจดีมากครับ

แล้วก็ได้ขอท่านบูชาขุนแผนหมื่นทัพ ท่านยังเมตตาเซ็นให้ครับ แล้วก็เจิมแป้งให้ด้วย
อ่อ ท่านยังเขียนวิธีบูชา ให้ด้วยครับ ก่อนท่านจะมอบให้ เหมือนกับท่านจะท่องคาถาประสิทธิ์ให้ด้วยครับ

อีกอย่างคือ ไม่มีค่าครูด้วยครับ ตอนแรกนึกว่าต้องมีค่าครูหรืออะไร ขอยอมรับเลยครับ อ.ท่านใจดีมากครับ

ปล. เสียดายครับอยู่ไม่ทันจบงาน ท่านปลุกเสกสีผึ่งเสร้จ ก็ลา อ.กลับก่อนครับ หออยู่ไกล ไม่มีรถกลับครับ (เสียดายที่สุเคือ ไม่กล้าขอสีผึ้งท่านครับ)
ปล. 2 ท่านใดมีรูปวันงาน เอามาลง เอาแชร์กันนะครับ

http://image.ohozaa.com/i/fbb/SbBJWW.jpg

http://image.ohozaa.com/i/153/IgLz8p.jpg

http://image.ohozaa.com/i/gc4/3jxa1a.jpg

Paladin00 โพสต์เมื่อ 22-7-2014 12:53

phoewan ตอบกลับเมื่อ 21-7-2014 22:07
วันนี้มีคนสอบถามกระผม ว่าทำไมสะสมหรือเล่นสายเสน่ห์...

ตามที่ท่านพี่บอกเลยล่ะครับ ถึงผมจะรู้จักท่านได้ไม่นาน

ท่านสามารถทำของส่ง ตปท. จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ รายได้ทีละเป็นล้านๆแต่ท่านก็ไม่ทำ   ของที่ท่านมีก็ไม่ใช่ว่าใครไปขอเช่าท่านก็ให้ ท่านเลือกคนที่ไปอเช่าด้วยครับท่านจะบอกเสมอว่า ของที่ทำออกมาน่ะ สืบทอดวิชาครูบาอาจารย์ ทำใช้กัน เลยทำไม่มาก ทั้งที่ถ้าทำทีละเป็นลังๆท่านก็ทำได้ เงินดีด้วย

ท่านทำของแค่หลักร้อย ทั้งที่ทุนที่ท่านใช้ไป เป็นเงินหลักแสน และข้อมูลด้านอื่นมากมายที่ผมยังไม่ทราบครับ

ของที่ท่านทำส่วนใหญ่เน้นวิชา เน้นแรงครูถ้าท่านที่เคยผ่านตามอพอควรก็จะเห็นว่า ท่านไม่ชอบทำของที่มีพราย ทั้งที่ท่านทำออกมาแล้วแรงดีแถมท่านก็ไม่สนับสนุนให้เล่นสายนี้ด้วย แต่คงเป็นเพราะท่านทำเพื่อบสืบวิชาครู

ส่วนตัวผมมีสายพุทธคุณไม่กี่ชิ้น และไม่เคยพกเลย ผมเป็นคนนึงที่เล่นสายพราย ข้อเสียชองสายนี้มีมากมายเลยครับ แต่ที่ผมได้จากสายพราย และการใช้เครื่องรางของขลังคือ

1.ผมไม่ค่อยชอบเข้าวัด ไม่สวดมนต์ ไม่แผ่เมตตา ใช้ชีวิต ปกติ= ผมกลายเป๋นคนชอบทำบุญทำทานชอบช่วยงานสังคม เช้าเข้าวัดฟังเทศน์ ทำแทบทุกอย่างเพื่อสร้างบุญบารมีของตัวเอง ทำให้ผมมีบุญที่จะอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และพรายทั้งหลาย ก็แค่คิดว่าเค้ามาอยู่ด้วยก็หวังได้บุญ เราให้บุญเค้า เราก็สุขใจ

2.ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม = พอใช้เครื่องรางต่างๆ รวมทั้งสายพราย ทุกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อะไรที่ไม่เกินกรรม ย่อมสำเร็จ และการที่ไม่ได้มาซึ่งสิ่งที่เราปรารถนาเราก็จะปลงได้ว่าบุญเราไม่ถึง วาสนาไม่ถึง ทำให้ผมละอายต่อบาป เกรงต่อบาป พยายามรักษาศีล5 แต่ส่วนใหญ่จะผิดข้อ5ประจำการที่ได้คบใคร เลิกกับใคร นั้นก็เป็นกรรมที่ร่วมกันมาทั้งนั้น

3.ผมไม่ได้เป็นคนกตัญญู แต่ไม่เนรคุณนะครับ = ครูบาอาจารย์ทุกท่าน จะสอนเสมอว่า ต้องระลึกถึง เคารพ บูชา พระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ และบุพการี และยกไว้เป็นที่สูง ทำให้ผมย้อนกลับมาทำสิ่งเหล่านี้ เพราะผมชอบคำพูดที่ว่า"มีอะไรดีๆก็เอาไปทำบุญ ไปให้พระที่วัดฉัน แล้วพระที่บ้านล่ะได้อยู่ดีกินรึยัง???"

ถ้าผมไม่ได้เป็นคนสะสมเครื่องรางของขลังทั้งสายพรายและสายอื่นๆ ผมคงจะไม่เข้าไกล้3ข้อที่ผมกล่าวมาอย่างแน่นอนครับ(โดยส่วนตัวนะครับ)

พิมพ์เยอะเดี๋ยวขี้เกียจอ่านกันน่ะครับ อิอิ      ถ้าข้อความที่ผมพิมพ์มีความไม่เหมาะสมส่วนหนึ่งส่วนใด ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ

sunchai โพสต์เมื่อ 16-10-2014 21:44

สวัสดีครับทุกๆท่าน วันนี้พรรคพวกที่ฝากผมบูชาวัตถุมงคลของ อ.อ้วน วันนี้เขาไปเปิดตลาดที่ประเทศกัมพูชา ด้านปุ๋ยที่ใช้ในเกษตรกรรม ก่อนไปก็กังวลว่าที่กัมพูชานั้นเขาเล่นของกันมาก ก็เลยไปปรึกษากับอาจารย์อ้วนมา อาจารย์ท่านว่ามีขุนแผนหมื่นทัพ และสีผึ้งเบ็ด เขาทำอะไรไม่ได้ อาจารย์ท่านการันตีให้เลย ผลของการเดินทาง ออกมาวันนี้ก็เป็นที่น่าพอใจ เกษตรกรที่นั่นแต่ละท่านก็มีที่ดินเป็นร้อยไร่ มีการเลี้ยงอาหาร ขากลับก็มีของฝากกลับมาด้วย ตอนนี้ก็รอแต่ออเดอร์ใหญ่ๆมาเท่านั้นเองครับ วันนี้ที่พกไปก็มี พระขุนแผนหมื่นทัพ สีผึ้งเบ็ด ตระกรุดโภคทรัพย์ และเรียกกุมารทั้งสองให้ตามไปช่วยด้วย จึงมาเล่าสู่กันฟัง และเป็นการเชิดชูครูบาอาจารย์ของเราด้วยกันนะครับ

phoewan โพสต์เมื่อ 30-10-2014 09:39

ท่านทั้งหลายที่ขอเบอร์กระผม และขอให้กระผมสอนเคล็ดลับการใช้งานวัตถุมงคลของอาจารย์อ้วนให้กระผมยินดีอย่างยิ่งในฐานะของศิษย์ร่วมสำนักร่วมบารมีครูบาอาจารย์เดียวกันกระผมนั้นเคารพอาจารย์ท่านมากและสัมผัสได้ถึงความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาในตัวท่าน ซึ่งกระผมค้นพบว่านั่นคือสุดยอดมหาเสน่ห์ที่ติดตัวท่านมาแต่กำเนิดและยากที่ใครจะเสมอเหมือนแต่นั้นมากระผมจึงสละทิ้งครูบาอาจารย์สายฆราวาสท่านอื่นอย่างไม่ลังเลเลยเดินหน้าศึกษาสายของอาจารย์ท่านอย่างเดียวจนสร้างลูกศิษย์กลุ่มใหม่ๆขึ้นมาหลายสิบคนและกำลังจะเป็นหลายร้อยคนในอีกไม่นาน

ศิษย์ใหม่ๆทุกคนที่กระผมสร้างขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมนั้น ก็มีศักดิ์มีสิทธิ์เทียบเท่ากันกับศิษย์ทุกรุ่นของอาจารย์ กระผมจึงแนะนำให้เข้าหาอาจารย์ท่านโดยตรงในเรื่องของการบูชาหาของดีในสายนี้ จะเว้นก็แต่บางท่านที่ไม่สะดวกอาจจะด้วยเรื่องของเวลา ระยะทาง และความไม่ต้องการในการเปิดเผยตัว กระผมก็จะอาสาทำหน้าที่แทนท่านเหล่านั้น

ส่วนไอ้ที่กระผม บอกขายวัตถุมงคลสายอาจารย์ท่านในราคาสูงนั้น กระผมก็แทบไม่ต้องตอบอะไรมากก็เพราะคนที่เสาะหาบูชาเอาจากกระผมไปนั้นย่อมทราบดีว่า สายโทรศัพท์ของกระผมนั้นคอยอยู่เป็นเพื่อนสนิทให้คำปรึกษาท่านเหล่านั้นทุกโมงยามในทุกๆความไม่เข้าใจ ทุกๆความไม่แน่ใจทุกๆความกังวล และทุกๆการวางแผนในชีวิต   ทั้งไทยและเทศ กระผมก็ทำหน้าที่กุนซือให้จนกว่าพวกเขาเหล่านั้นจะสมหวังดั่งที่ตั้งใจนอกเหนือจากเงินทองที่กระผมจะได้มาจากส่วนต่างเพื่อยังชีพแล้วส่วนหนึ่งก็เป็นการเผยแผ่ความเข้มขลังในวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือด้วยเช่นกัน


และก็ด้วยลูกศิษย์ลูกหาที่มากขึ้นทุกวันทุกวัน และก็ผ่านช่องทางที่กระผมดำเนินอยู่นั้นก็ไม่น้อย มันจึงเป็นความชำนาญที่เกิดจากการอาสาของกระผม ได้ช่วยให้คนไม่น้อยนั้นสมหวังเหล่านั้นก็มีตั้งแต่คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปยังคหบดี   กอปรกับสัมมาอาชีพของกระผมนั้นต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตาไม่เว้นแต่ละวัน ต้องใช้ชั้นเชิงไหวพริบเพื่อให้ได้มาซึ่งโครงการต่างๆเพื่อยังชีพตัวเองและครอบครัวกระผมจึงต้องใส่ความพยายามเข้าไปในทุกๆนาทีแห่งการดำเนินชีวิตและเมื่อมีของดีจากครูบาอาจารย์มาเสริม กระผมก็ได้ทราบในที่สุดว่า การจะใช้ของอาจารย์ให้ได้ผลนั้น ต้องเข้าใจซะก่อนว่าของดีนั้นท่านทำหน้าที่อะไร และเราซึ่งประกอบไปด้วยธาตุทั้งสี่นั้น ต้องทำหน้าที่ใดเพื่อเกื้อหนุนให้เกิดพลังอัศจรรย์ขึ้นระหว่างความเป็นทิพย์และพลังธาตุในตัวเรา

ในหลายๆกรณี ที่ลูกศิษย์อาจารย์ไปเสาะหาบูชาจากแหล่งอื่นมาแล้วเกิดทุกข์หนัก กระผมในฐานะศิษย์ก็รีบเข้าไปรับหน้าเสื่อนั้นไว้ เพื่อไม่ให้อาจารย์ท่านเดือดเนื้อร้อนใจและในหลายกรณีที่บูชาของดีจากอาจารย์โดยตรง แต่ก็นำไปใช้ไม่ถูกวิธีและดูมีแนวโน้มจะให้ร้ายครูบาอาจารย์เราว่าไม่ใช่ทองแท้ กระผมก็อาสาเข้าไปแนะนำให้จนสำเร็จไปก็ไม่น้อยไอ้ที่ไม่สำเร็จก็มี แต่โดยมากก็ไม่มีเวลาจะถือปฏิบัติตามที่กระผมแนะนำ นั่นก็เป็นข้อยกเว้น

แต่ท่านทั้งหลายต้องสังวรเอาไว้ว่าการเล่นของสายนี้นั้น ถ้าท่านมุ่งไปที่เสน่ห์ล้วนๆและถ้าท่านเป็นกระทาชาย ท่านต้องเข้าใจซะก่อนว่า น้ำมัน 1 ขวด 3000 บาทนั้น เป็นแค่ประตูสู่เส้นทางสายกามาเท่านั้น   ท่านต้องเตรียมเสบียงกรังเอาไว้เมื่อน้ำมันนั้นส่งผลอีก 10 อีก 100 เท่าการเป็นขุนแผนมหาเสน่ห์นั้น ท่านจะต้องพร้อมทั้งร่างกายอันหมายถึงภายนอกและภายใน รมทั้งทุนทรัพย์   นั่นคือสิ่งที่กระผมอยากให้ท่านฉุกคิดกันซักนิด   

phoewan โพสต์เมื่อ 29-10-2014 16:24

เรียบร้อย.....กระผมพาสาวสวยท่านนี้ ไปพบอาจารย์เรียบร้อยแล้วพร้อมสอนเคล็ดวิชาไปอีกหลายชุด

แหม๋.....เล่นเอาเหงื่อตกเลยใครหน๋อมาหลอกสาวสวยแบบนี้ได้   แถมไม่หลอกเปล่าดันเลียนแบบกระผมทั้งเรื่องการตั้งราคา และวิธีการอีกโดนเหมารวมเลยกระผม      ถ้าหลังการขายไม่แน่น ไม่แนะนำให้เลียนแบบกันนะท่านนะ    ก็กว่ากระผมจะออกเร่ขายของอาจารย์ได้กระผมใช้ของอาจารย์มาแบบใช้แล้วใช้อีกอย่างโชคโชน เฉพาะพี่ตะกรุด พี่เงี่ยงอ่อน และพี่สีผึ้งเบ็ดนี่กระผมบูชาจากอาจารย์ซ้ำแล้วซ้ำอีกเกือบสิบรอบแล้วใครจะมาสำเนาเหมือนยากเล่นของทางนี้จะรู้แจ้งเห็นจริงได้ต้อง ลอง ลอง ลอง ลอง แล้วก็ ลอง ลอง ลอง อีกนั่นล่ะท่านจึงจะบรรลุ

โชคดีท่านทั้งหลาย

Serman โพสต์เมื่อ 9-8-2012 13:01

ฤกษ์ที่ 6ที่อ.อ้วน ปลุกเสก วันที่ 7 สค บังเกิดเกิดพระ ...
ต้นฉบับโพสโดย makaza เมื่อ 8-8-2012 04:26 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


    {:8_176:}พระอาทิตย์ทรงกลด หรือพระจันทร์ทรงกลด ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นการคำนวณฤกษ์เช่นกัน แต่อาจารย์อ้วนท่านแสดงทัศนะให้ฟังว่า มันเป็นวิชาพรหมศาสตร์ที่ท่านเรียนมาจากครูชัยยศ คุ้มมณี

makaza โพสต์เมื่อ 17-5-2015 18:35

ผมก็ได้น้ำมันเงี่ยงอ่อนมา แล้วเหมือนกัน ยังไม่ได้ใช้จริงจัง แต่ก้มีอะไรแปลกตั้งแต่วันเอาเข้าบ้าน อยู่ดีๆ เหมือนเปรี้ยดัง
แต่หาเสียงไม่เจอ แต่ของอาจารย์ไม่มีหลอกหลอน ทุกชิ้น ทำมาดีจริงๆ

arm2499 โพสต์เมื่อ 3-6-2012 21:39

ดีมากเลยครับ

godanaw โพสต์เมื่อ 3-6-2012 21:47

รอฟังประสบการณ์ครับ สนใจขุนแผนหมื่นทัพเหมือนกัน

makaza โพสต์เมื่อ 3-6-2012 21:56

แก้ไขล่าสุด makaza เมื่อ 3-6-2012 22:06

ไม่ยากครับตั้งชื่อกระทู้ ประสบการณ์วัตถุมงคลอ.อ้วน หมอผี ก็ได้ ผมจะตั้งหลายครั้งแล้วเกรงใจ

suzuki โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:07

เอาเลยครับผมจะได้ข่าวจริงของจริงไม่ต้องโดนหลอกครับ

iching โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:08

ไม่ยากครับตั้งชื่อกระทู้ ประสบการณ์วัตถุมงคลอ.อ้วน...
ต้นฉบับโพสโดย makaza เมื่อ 3-6-2012 21:56 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif

ครับผม ทำเลยครับ หนับหนุนนนน

makaza โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:17

ครับผม ทำเลยครับ หนับหนุนนนน
ต้นฉบับโพสโดย iching เมื่อ 3-6-2012 22:08 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif

โอเคครับเดี๋ยวจัดไปเลย

abuzy โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:20

แก้ไขล่าสุด abuzy เมื่อ 3-6-2012 22:25

ประวัติอาจารย์อ้วน หมอผี ตอนที่ 1
http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/p480x480/389178_296103013817083_215566231_n.jpg





อาจารย์อ้วน เป็นอาจารย์ฆารวาสผู้ที่ทรงพลานุภาพทางจิตมาแต่วัยเยาว์
เรียกว่าเป็นบุคคลที่มีของเก่าติดตัวมามาก


เมื่อมีโอกาสได้ศึกษาค้นคว้าก็ได้อาจารย์ที่ดีมีวิชาแก่กล้า
ต่อ มาเมื่อได้รับคำแนะนำพร่ำสอนจากครูบาอาจารย์ก็มีความขยันหมั่นเพียรเชื่อ
และ ปฏิบัติตามคำสอนอย่างมุ่งมั่นจนทำให้เกิดผลแห่งสำเร็จในการฝึกวิชานั้นๆ
สามารถทำได้อย่างเห็นผลเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วไปได้






ความเชื่อโบราณเชื่อกันว่าอันผู้ที่จะร่ำเรียนฝึกฝนทางจิตใจจนมีพละกำลังทางจิต
สามารถใช้อำนาจจิตตามต้องการได้นั้น
ต้องเป็นบุคคลที่เคยมีพื้นฐานหรือเคยฝึกปรือเรื่องทางสมาธิทางจิตมาแต่อดีตชาติ
ก่อนๆ พอปัจจุบันชาติมาฝึกเข้าอีกก็เป็นเร็วเป็นไว
เหมือนกับคนโบราณที่เรียกว่า“เล่นของขึ้น” นั่นเอง


ในวัยเด็กของอาจารย์อ้วน ที่บ้านประกอบอาชีพขายข้าวแกง
มีความสนใจในเรื่องรามเกียรติ์มาแต่เล็ก ชอบดูโขนละคร
เห็นเขาแสดงเป็นยักษ์เป็นลิงก็สนใจ


และสิ่งที่ดึงดูดตาอาจารย์ในวัยเด็กก็คือ “กระบองยักษ์” เมื่ออาจารย์ในวัยเด็กเห็นกระบองยักษ์เข้าก็รู้สึกอยากจับมาเล่นมาควงตาม
ประสา เมื่อถูกความรู้สึกทางใจดึงดูดเข้าเช่นนั้นอาจารย์อ้วนก็เข้าไปจับ
แต่ครั้งแล้วก็โดนผู้ใหญ่ในวงด่าเสียเทเสียจนยับเยิน
แต่การโดนด่าครั้งนั้นกลับกลายเป็นการจุดชนวนในใจครูอ้วนครั้งนั้นว่า




“เราจะต้องเข้าโรงเรียนนาฏศิลป์จะเล่นเป็นตัวยักษ์ให้ได้”


ด้วยความที่เป็นคนมีนิสัยจริงจัง
ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวทำให้อาจารย์อ้วนในครั้งนั้นไปสมัครที่โรงเรียนนาฏศิลป์
ด้วยตนเอง


ไม่มีการปรึกษาใครๆทั้งสิ้นแม้กระทั่งพ่อแม่ของอาจารย์ก็ยังไม่รู้
ในวันรับสมัครมีการสอบสัมภาษณ์ ครูที่สัมภาษณ์ถามเด็กชายอ้วนว่า
อยากเรียนโขนรู้จักตัวละครอะไรบ้าง



อาจารย์อ้วนตอบไปโดยไม่ต้องคิดเลยว่ารู้จัก พิเภก แล้วก็ท่องกลอนในรามเกียรติ์ให้ครูฟัง
ปรากฏว่าเป็นที่ประทับใจครูในครั้งนั้นและทำให้ได้รับเลือกเข้าศึกษาต่อที่
โรงเรียนนาฏศิลป์




ในปีที่อาจารย์อ้วนสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนนาฏศิลป์นั้น
ทางโรงเรียนได้ยกฐานะขึ้นเป็นวิทยาลัยนาฏศิลป์เป็นครั้งแรกจึงนับว่าอาจารย์อ้วน
คือนักศึกษาของวิทยาลัยนาฏศิลป์รุ่นแรกเลยทีเดียว
การเข้าศึกษาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะพอทางบ้านรู้เข้าพ่อแม่ก็ด่าอาจารย์อ้วนเสียยกใหญ่เพราะคนสมัยก่อนไม่สนับสนุนให้ลูกเข้าเรียน เพราะเห็นเป็น



การเต้นกินรำกิน แต่อาจารย์อ้วนก็ยังไม่ท้อถอยจนพ่อและแม่ต้องยอมให้เรียน
พอไปเรียนวันแรกอาจารย์อ้วนก็พบว่าการเรียนโขนนั้นไม่ง่ายเลย
ไหนจะต้องโดนถีบเหลี่ยมคือการยันหัวเข่าให้ตั้งฉากมันเจ็บแสนเจ็บเหมือนเข้า
เครื่องทรมานดีๆนี่เอง



ไหนจะโดนดัดมือให้โค้งงอจนแทบจะติดกับแขนมันเจ็บเกินบรรยายจริงๆ
ทำเอาอาจารย์อ้วนถอดใจอยากออกตั้งแต่วันแรกที่เรียน
แต่ด้วยจิตใจที่เป็นนักสู้ทำให้ครูอ้วนหรืออาจารย์อ้วนในครั้งนั้นมุมานะใน



การฝึกฝนจนได้รับเกียรติครั้งยิ่งใหญ่ เพราะ ครูอร่าม อินทรนัฏได้คัดตัวนักเรียนจำนวน ๒๐ คนเอาแค่คนเดียวมาเล่นเป็นตัวกุมภกรรณ
และผู้ที่ได้รับคัดเลือกก็คืออาจารย์อ้วน




นับเป็นความภูมิใจครั้งสำคัญในชีวิตของอาจารย์อ้วนในครั้งนั้น
เพราะครูอร่าม


ให้เพือนเล่นเป็นทหารแต่ให้ครูอ้วนเล่นเป็นตัวเอกเป็นกุมภกรรณ
ตอนเดินออกมาหน้าเวทีมันโก้อย่าบอกใครเพราะกุมภกรรณเวลาเดินออกมาจะมีนางฟ้า
นางสนมตามมาเป็นแถว


จึงถือว่าเป็นความสุขในชีวิตและเป็นเกียรติเป็นความภูมิใจไม่รู้ลืม




ขณะที่อยู่ภายในรั้วของวิทยาลัยนาฏศิลป์
อาจารย์อ้วนในครั้งนั้นได้พบกับครูสอนเล่นโขนคนสำคัญและเป็นครูทางไสยศาสตร์
ด้วย ท่านชื่อ ครูชัยยศ คุ้มมณี นับเป็นผู้ทรงวิทอาคมท่านหนึ่งในยุคนั้น ครูัชัยยศ
เป็นครูสอนตัวยักษ์ ตัวท่านเองเป็นพราหมณ์มีสายธุรำำที่สืบทอดมา
เป็นตำแหน่งทางสายเลือด



อาจารย์อ้วนซึ่งมีความสนใจทางด้านนี้แรกทีเดียวเขาหาครูชัยยศหมายขอคาถาทางสุดยอดทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ที่เรียกว่า “มารีศร่ายมนต์” เพียรมาขอกับครูชัยยศท่านก็ไม่บอกว่ามีหรือไม่มี แต่ท่านกลับมาสอนวิชาทางด้านพรหมศาสตร์ การประกอบพิธีกรรมบวงศรวง การแสดงฤทธิ์ในทางสายพราหมณ์ รวมถึงวิชาพระอาทิตย์ทรงกลด พระจันทร์ทรงกลด ซึ่งเป็นมนต์ทางพราหมณ์
เอาน้ำที่พื้นดินหรือเอานิ้วนี่แหละเขียนขีดวงกลมสองชั้นสามชั้นก็ได้แล้ว
ร่ายมนต์ไป



พอเงยหน้าขึ้นมาพระอาทิตย์หรือพระจันทร์จะทรงกลดตามขีดที่เราทำไว้สองชั้น
สามชั้นหรือกว่านั้นก็เป็นได้ นี่เรียกว่าเป็นวิชาทางพรหมศาสตร์
เพราะครูชัยยศท่านเป็นพราหมณ์จริงๆสืบมมาแต่สายเลือด






อาจารย์อ้วนเล่าว่าตอนที่จตุคามรามเทพดังๆก็พบกับพราหมณ์ท่านหนึ่งที่นครศรี
ธรรมราชท่านก็เปิดเผยให้ฟังว่าหลายครั้งที่ทำพิธีบวงสรวงจตุคามแล้วพระ
อาทิตย์ทรงกลดก็เพราะใช้วิชาทางพรหมศาสตร์



ซึ่งเมื่อสอบถามทางวิชาแล้วจึงรู้ว่าเป็นสายวิชาเดียวกันเลยกับที่ ครูชัยยศ คุ้มมณี ท่านสอน




ความเก่งกล้าสามารถเรื่องร่ายมนต์ให้พระอาทิตย์พระจันทร์ทรงกลดนั้น
เป็นที่รู้เห็นของเพื่อนวัยเดียวกันทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องของอาจารย์อ้วนมาแต่สมัยเรียนนาฏศิลป์ พออาจารย์อ้วนไปโชว์งานรำกระบี่กระบอง
ของทางวิทยาลัยก็จะร่ายมนต์ให้พระอาทิตย์ทรงกลดแล้วเรียกเพื่อนๆไปดูก็เห็นตามกันเป็นที่
สนุกสนานหลายต่อหลายครั้ง


ความรู้ทางไสยเวทย์ของครูอ้วนนั้นมากมายจริงๆและเมื่อสอบถามดูแล้วจึงรู้ว่า
หลักและพื้นฐานของวิชาทางไสยเวทย์ของครูอ้วนนั้น


มาจากปรมาจารย์ทางไสยเวทย์ท่านหนึ่งชื่อ " ครูวรกันต์ ศรีสมบัติ "




ที่มาของการพบครูวรกันต์หรือเรียกสั้นๆว่า “ครูกันต์” ครูกันต์ท่านนี้นี้




อาจารย์อ้วนเล่าว่าสมัยก่อนแม่ขายข้าวแกง ครูกันต์ท่านมาซื้อเป็นประจำ
ต่อมาท่านจ้างเราให้ไปส่งให้ที่บ้านพร้อมทำหน้าที่นำข้าวแกงกับขนมหวานถวาย
ที่หิ้งพระ ให้ท่านด้วย หิ้งพระของครูกันต์นั้นมีตั้งแต่หิ้งพระพุทธรูป
หิ้งฤๅษี หิ้งกุมารทอง ครูกันต์ก็สอนคาถาให้ท่องยามนำสำรับไปถวายตามหิ้งต่างๆ




ตอนแรกๆก็ไม่มีความเชื่อถือเรื่องไสยศาสตร์ซักเท่าไหร่ แต่พอมาครั้งหนึ่ง
ครูกันถามว่า.“ วันนี้อ้วนอยากกินอะไร ” ก็ตอบท่านไปว่า..“อยากกินชมภู่มะเหมี่ยว”



ท่านก็แสดงวิชาที่เรียกว่าชักยันต์กลางอากาศยันต์ที่ท่านทำเป็นยันต์ไซเรียก
ทรัพย์ แต่เป็นการเขียนยันต์ขึ้นบนอากาศ
ยามทำท่านก็เอามือขีดๆเขียนๆบนอากาศนั่นแหละแล้วเป่าไป
จากนั้นก็นัดท่านให้มากินชมภู่มะเหมี่ยวตอนเย็น แปลกแต่จริงพอตกเย็นท่านมาตามนัด
ชมภู่มะ้เหมี่ยวที่ต้องการก็มาเพราะอยู่ๆ ศิษย์ท่านนำมาถวาย
มันก็น่าแปลกแต่จะบังเอิญหรือเปล่าก็บอกไม่ได้ ยังไม่แน่ใจนัก



ต่อมาอีกคราวหนึ่งครูกันต์ถามว่าวันนี้ที่บ้านมีสะเดาน้ำปลาหวานกับกุ้งเผากินไหม
ครูอยากกิน อาจารย์อ้วนก็รีบวิงไปถามแม่ว่าครูกันต์ท่านอยากกินแบบนี้แม่มีไหม
แม่ก็ตอบมาว่าหน้านี้มันไม่มีสะเดามันไม่หรอก
ก็รีบวิ่งไปบอกครูกันท่านว่ามันไม่มี



ครูกันต์ก็บอกว่าไม่เป็นไรจากนั้นก็ใช้วิชานี้อีกคือเขียนยันต์ไซกลางอากาศ
แล้วเป่าออกไป จากนั้นก็นัดให้อาจารย์อ้วนมากินด้วยกันในตอนเย็น
ในใจคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกจะมีมาได้อย่างไร



แต่แล้วพอตอนเย็นไปบ้านครูกันต์ก็พบความอัศจรรย์ใจเพราะมีลูกศิษย์เอาน้ำปลาหวานสะเดา
กับ กุ้งเผามาให้ครูกันต์ท่านจริงๆอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะการสื่อ สารสมัยก่อนไม่เหมือนสมัยนี้จะว่าท่านโทรศัพท์ไปบอกลูกศิษย์ให้ซื้อมาให้ก็ เป็นไปไม่ได้โทรศัพท์สมัยนั้นก็ยังไม่มีมีแต่โทรเลขเท่านั้นซึ่งถ้าใช้ โทรเลขก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายวันทีเดียว จึงเป็นเรื่องอัศจรรย์ในวิชาอาคมอย่างยิ่ง คราวนี้อาจารย์อ้วนหรือเด็กชายอ้วนในครั้งนั้น
เชื่อถือเรื่องไสยศาสตร์อย่างสนิทใจคิดในใจว่ามันเป็นสิ่งที่มีจริง
แต่อย่างไรก็ตามวิชชานี้อาจารย์อ้วนท่านไม่ได้เรียนมาเนื่องจากมีกฎข้อบังคับว่า
ผู้ที่จะเรียนวิชานี้ได้ต้องเป็นผู้ทีไม่ประกอบอาชีพการงานใดๆ
ทั้งต้องไม่ใส่รองเท้าไม่ว่าไปที่ไหนๆ



ครูกันต์ท่านก็ไม่ประกอบอาชีพอะไรเลยและท่านก็ไม่ใส่รองเท้าสักครั้งเลยเช่น
กันท่านทำได้ ท่านว่าวิชานี้เรียนแล้วไม่รวยแต่ก็ไม่มีวันอดอยาก เป็นวิชาที่ครูกันต์ท่านได้เรียนสืบต่อวิชามาจากหลวงพ่อเคน วัดถ้ำเขาอีโต้ ปราจีนบุรี


หลังจากนั้นอาจารย์อ้วนทวนความจำได้เป็นอย่างดีว่าพอถึงวันที่ ๖
เมษายน ราวๆปี พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นวันจักรีซึ่งทุกๆวันจักรีถือเป็นวันไหว้ครูของอาจารย์วรกันต์ ศรีสมบัติ จากนั้นก็นำพานดอกไม้ธูปเทียนไปกราบอาจารย์วรกันต์ขอมอบตัวเป็น

ศิษย์ท่านท่านก็รับไว้ด้วยความเมตตาวิชาแรกที่ครูวรกันท่านอาจารย์อ้วนคือสอนให้รู้ ธาตุทั้งสี่ การตั้งธาตุ เดินธาตุ อาจารย์อ้วนเรียนวิชานี้ว่าด้วยการท่องคาถาธาตุ ทั้ง ๔ น้ำ ดิน ลม ไฟ



ท่านท่องอยู่ นานอยู่ ๓ ปีก็เป็นผล ท่านว่าระหว่าง ๓
ปีที่ท่องนั้นไม่รู้อะไรเลยรู้แต่องค์ภาวนาคาถาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ภาวนาตลอดเวลา จะลุก จะเดินจะนั่งจะนอน เรียกว่าภาวนาให้จิตอยู่กับคาถาตลอด
จนติดเป็นนิสัย มันเกิดเป็นพลบังจิตเป็นสมาธิขึ้นมาเอง
เมื่อเวลาภาวนาแต่ละธาตุนั้นจะเกิดความรู้สึกต่างๆเช่นหนักตัว ปวดหัว
เวียนหัวสารพัดไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร
มีแต่มุมานะที่จะภาวนาอย่างเดียวเท่านั้นจนเมื่อครบ ๓ ปี
ครูกันต์ท่านพาออกงาน เป็นงานพุทธาภิเษกมีพระเกจิอาจารย์มากันมากมีพระนั่งธรรมมาศน์เอกเป็นประธานในแต่ละทิศ
ครูกันต์ท่านว่าลองเดินธาตุเพ่งใส่พระองค์นั้นดูซิลูก



อาจารย์อ้วนก็เพ่งภาวนาส่งจิตไปที่พระรูปนั้น
ครู่หนึ่งไม่ นานขณะพระภิกษุรูปนั้นกำลังนั่งปรกพุทธาภิเษก อยู่ๆท่านกลับลืมตาแล้วลุกออกจากนั่งธรรมมาศน์ลงเดินมาออกนอกพิธี การทำได้อย่างนี้ในทางนักไสยศาสตร์คาถาอาคมจะถือว่าเป็นการ “สอยลงธรรมาสน์” ถือเป็นกีฬาวัดอำนาจทางจิตอย่างหนึ่งของผู้มีวิชาที่มักจะมาลองวิชากันในงาน พุทธาภิเษก เมื่ออาจารย์อ้วนทำได้เช่นนั้นก็รู้สึกใจพองโต ปลาบปลิ้มใจ ภูมิใจอย่างเป็นที่สุด ในความคิดขณะนั้นกะว่าจะสอยพระที่นั่งเสกอยู่ลงธรรมมาสน์ทีละรูปที่นั่งอยู่ให้ลุกออกจากปะรำพิธีทั้งหมด






คราวนี้ก็ลองเลือกเอาพระเกจิที่ดูเคร่งๆ ก็เห็นอยู่รูปนึง
มีอายุอยู่และใส่จีวรสีกรักคล้ำ ก็เริ่มกำหนดจิตเดินธาตุใส่ พระรูปนั้น
ภาวนาสักครู่เดี๋ยวเท่านั้น



ท่านกล่าวว่าตัวเราเองกลับมีอาการขี้แตกเหยี้วแตกไม่รู้ตัวกางเกงเปียกไปหมด
มันออกมาทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่มีความรู้สึกปวดหนักปวดเบาแต่ประการใด
ตอนนั้นอายและทำอะไรไม่ถูกต้องรีบเข้าห้องน้ำผลัดกางเกง ล้างเนื้อล้างตัว
แล้วรีบมาบอกครูกันต์ ท่านได้แต่ยิ้มแล้วบอกว่า คราวหน้าให้ระวังหน่อยลูกที่เป็นเช่นนี้เพราะพระเถระที่เพ่งใส่นั้นท่านมีตบะแก่กล้ากว่ามีพลังจิตสูงส่งกว่า




สามารถสะท้อนธาตุกลับมาได้ พอ เสร็จพิธีพระภิกษุเถจารย์รูปนั้นท่านลงมาจากธรรมมาสน์อาจารย์อ้วนก็รีบถือ ดอกไม้ธูปเทียนไปทำการขอขมาที่ได้ที่ได้ล่วงเกินท่าน แล้วพระภิกษุรูปนี้ได้ีีรับดอกไม้และยิ้มด้วยเมตตาและแนะนำอาจารย์อ้วนว่า “คราวหน้าเวลาจะลองใคร ให้เอาธาตุเบาๆ ก่อนนะลูก อย่าใช้ธาตุหนัก ”



ท่านบอกเพียงเท่านี้ แล้วก็ถามว่าหลวงพ่อชื่ออะไร อยู่วัดไหนท่านว่า ข้าชื่อ “ สีหมอก อยู่วัดวังตะโก”



นับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่น่านับถือมีวิทยาคมสูงมาก


หลังจากเรียนวิชาธาตุ ๔


จากครูกันต์เป็นพื้นฐานทางความรู้แล้วทำให้อาจารย์อ้วนมีความก้าวหน้าทางเวท
วิทยาคมอีกหลายต่อหลายสายวิชา ท่านกล่าวว่าเพราะวิชาธาตุ ๔
นี่แหละที่เป็นพื้นฐานทางจิตที่ดีที่ทำให้เกิดความช่ำชองในการภาวนาในการร่ำ
เรียนวิชาอื่นๆในเวลาต่อมา


ในความเคารพครูบาอาจารย์แล้วก็ต้องถือว่าครูกันหรือครูวรกันต์ท่านนี้เป็นที่
สุดท่านหนึ่งเป็นบรมครูคนแรกที่ทำให้ท่านอาจารย์อ้วนมีความสามารถเช่นนี้ขึ้นมาได้

makaza โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:23

แก้ไขล่าสุด makaza เมื่อ 3-6-2012 22:24

เออ เอากระทู้นี้เลยดีกว่ามั้งครับท่านๆว่าดีไหม ไม่ต้องตั้งใหม่ ชื่อก็เหมาะพอดีเลย หรือว่าจะตั้งใหม่ ก็บอกได้ครับ แชร์ๆกัน

tum199 โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:24

อีก1เสียงสำหรับอาจารย์ อ้วน หมอผี สุดยอดจริงๆ ทำให้มีประสบการณ์ ธุรกิจส่วนตัวเจริญก้าวหน้า เป็นที่รักที่เอ็นดูของลูกค้าแน่นอนจริงครับ

iching โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:24

ประวัติอาจารย์อ้วน หมอผี ตอนที่ 1


อาจารย์อ้วน เป็นอ ...
ต้นฉบับโพสโดย abuzy เมื่อ 3-6-2012 22:20 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif

เยี่ยมไปเรยครับ จัดเต็มครับผม ชอบเรยครับได้ศึกษาประวัติท่านด้วยเรยยยยยย

arm2499 โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:31

{:8_179:}{:8_179:}

suriyon โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:31

ขอบคุณมากเลยคับท่าน {:8_179:}

iching โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:35

เออ เอากระทู้นี้เลยดีกว่ามั้งครับท่านๆว่าดีไหม ไม่ ...
ต้นฉบับโพสโดย makaza เมื่อ 3-6-2012 22:23 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


    ก็ดีครับ เเต่ขอเป็น ประวัติเเละประสบการณ์ก็พอละกันนะครับ ข่าวสารผมเห็นว่าจะไม่เหมบะกับห้องนี้กระทู้นี้ของคนรัก อ.อ้วนครับ แต่ขอบอกก่อนว่าผมไม่ใช่ลูกศิยษ์สายตรงนะครับ ผมเพิ่งรู้จักอาจารย์เมื่อไม่นานมานี่เอง เเละยังไม่เคยเจอ อ. เลยสักครั้ง เพียงเเค่มีประสบการณ์จากของอ.อ้วน เเละรู้สึกดีกับ อ. เเล้วทั้งที่ยังไม่ได้เจอ ยังไงรบกวนศิษย์สายตรงมาร่วมแชร์ประสบการณ์นะครับ

popalifez โพสต์เมื่อ 3-6-2012 22:40

รอฟังประสบการณ์ด้วยคน
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9 10
ดูในรูปแบบกติ: กระทู้เฉพาะ อ.อ้วน หมอผี เพื่อประกาศศักดิ์ดาให้กระฉ่อนทั่วแผ่นดินนี้ครับ