pungkung โพสต์เมื่อ 24-11-2011 15:26

อบายภูมิ มหานรก ยมโลก

แก้ไขล่าสุด pungkung เมื่อ 24-11-2011 15:29

ขอเชิญชวนทุกท่านหันมาทำความดี สะสมบุญกุศล หมั่นเจริญภาวนา ทำสมาธิ ทำจิตใจให้สว่าง

เพื่อจะได้รอดพ้นจากอบายภูมิที่มีความทุกข์เผ็ดร้อนเป็นอันมาก มากกว่าบนโลกมนุษย์หลายร้อยหลายพันเท่านัก

เอาความสุขเท่าไหร่บนโลกมนุษย์มาแลกกับการต้องตกไปอยู่ในนรกเพียงแค่หนึ่งวันยังไม่คุ้มค่าเลย




นรกภูมิ หรือเรียกโดยย่อว่า "นรก" (บาลี: नरक, naraka; สันสกฤต: नरक, naraka; จีน: 那落迦, นาเหลาเจี๋ย; ญี่ปุ่น: 地獄, จิโกะกุ; พม่า: งาเย; มาเลย์: neraka /เนอรากา/) คือ ดินแดนหนึ่งซึ่งตามพุทธศาสนาเชื่อกันว่าผู้ทำบาปจะต้องไปเกิดและถูกลงโทษตามคำพิพากษาของมัจจุราช มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น นิรยะ ยมโลก มฤตยูโลก พญายมราช ฯลฯ

ตามไตรภูมิกถาแล้ว นรกภูมิเป็นดินแดนหนึ่งในกามภพอันเป็นภพหนึ่งในภพทั้งสาม คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ รวมเรียกว่า "ไตรภพ" หรือ "ไตรภูมิ"
นรกของทางพุทธศาสนาต่างจากนรกของทางตะวันตกในสองประการ คือ สัตว์โลกมิได้ถูกส่งตัวไปเกิดและลงโทษในนรกภูมิตามคำพิพากษาของเทพ แต่เป็นเพราะบาปกรรมที่ตนได้กระทำเมื่อมีชีวิต และระยะเวลาถูกลงโทษในนรกนั้นเป็นไปตามโทษานุโทษ มิได้ชั่วกัปชั่วกัลป์เหมือนอย่างนรกของฝรั่ง กระนั้นก็นานเอาการอยู่ ซึ่งเมื่อพ้นโทษจากนรกแล้วจะได้กลับไปเกิดในโลกที่สูงขึ้นตามแต่กรรมดีที่ได้กระทำไว้หรือตามแต่ผลกรรมที่เหลืออยู่ แล้วแต่กรณี

1 นรกในไตรภูมิ
1.1 มหานรกแปดขุม
1.2 ยมโลกนรก
1.3 อุสสทนรก
1.4 โลกันตนรก

ในไตรภูมิ นรกเป็นดินแดนหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ชมพูทวีปหรือมนุษยโลกลงไป และมีแปดชั้นหรือที่เรียกว่า "ขุม" สำหรับลงทัณฑ์ต่าง ๆ แก่สัตว์บาปที่ไปเกิด ประกอบไปด้วยมหานรก 8 ขุม ยมโลกนรก 320 ขุม อยู่รอบ 4 ทิศๆ ละ 10 ของมหานรกแต่ละขุม และ อุสสทนรก 128 ขุม อยู่รอบๆ 4 ทิศ ๆ ละ 4 ของมหานรกแต่ละขุม รายละเอียดของนรกแต่ละแบบได้แก่
[แก้]มหานรกแปดขุม

ไตรภูมิกถาว่า นรกแบ่งออกเป็นแปดขุมใหญ่ ขุมใหญ่นี้ยังแบ่งออกเป็นขุมย่อยหรือที่เรียกว่า "นรกบริวาร" อีกขุมละสิบหกขุมย่อย ขุมใหญ่ทั้งแปดได้แก่

1. สัญชีวนรก ("นรกแห่งการเกิดอีกหน") : นรกขุมนี้มีผนังทำจากเหล็กร้อนกั้นรอบด้าน มองไปไม่เห็นขอบ มีอาณาเขตไพศาลยิ่งนัก และทั่วบริเวณมีไฟลุกโชนหาที่ว่างเว้นมิได้เลย ในไฟนรกนี้ปรากฏอาวุธต่าง ๆ เช่น หอก ดาบ มีด สัตว์ในขุมนี้จะวิ่งพล่านอยู่บนไฟนรกดังกล่าว เมื่อวิ่งแล้วก็กระทบกับอาวุธเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บเป็นนักหนา เมื่อถึงแก่ชีวิตก็ดี หรืออวัยวะขาดไปก็ดี ร่างกายจะกลับมามีพลานามัยสมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อให้รับโทษในขุมนี้จนกว่าจะสิ้นโทษ สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาสี่พันห้าร้อยล้าน (4,500,000,000) ปีมนุษย์ หรือห้าร้อยปีนรก เหตุที่ทำให้ไปตกในนรกใหญ่ขุมนี้ คือ

   บาป หรือ อกุศลกรรมที่สัตว์นรกเหล่านั้นกระทำไว้ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ คือ ได้ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ใหได้รับทุกขเวทนา ด้วยตนเองบ้าง มอบอาวุธให้คนอื่นทำแทนตนบ้าง เป็นโจรปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์บ้าง บางคนเป็นข้าราชการมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ขาดความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวบ้าน ใช้หน้าที่โดยมิชอบ โกงเอาเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านบ้าง หรือตลอดจนถึงโกงที่ดินวัด หรือกลั่นแกล้งสั่งย้ายข้าราชการผู้น้อยโดยไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้อื่นพลัดพรากจากที่อยู่ที่ทำกิน บาปกรรมเหล่านี้เป็นต้นที่ส่งผลให้เขาต้องไปตกนรกในสัญชีวนรก


2. กาฬสุตนรก ("นรกด้ายดำ") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ สัตว์ในขุมนี้จะถูกตีเส้นบนเนื้อตัวโดยนายนิรยบาลด้วยการนำเส้นเหล็กเผาไฟมานาบเป็นลายบนตัว และจะถูกผ่า เลื่อย หรือตัดตามเส้นนั้น สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาสามหมื่นหกพันล้าน (36,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือหนึ่งพันปีนรก

3. สังฆาตนรก ("นรกตีกระทบ") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกนี้จะห้อมล้อมไปด้วยภูเขาเหล็กลูกมหึมามีไฟลุกท่วมคอยกลิ้งเข้ากระทบกระแทกสัตว์นรกจนเหลวเป็นวุ้นเลือด ผู้วิ่งหนีมิเข้าไปในระหว่างเขานี้จะถูกนายนิรยบาลไล่แทงไล่ฟันเป็นต้น เมื่อตายแล้วก็กลับเป็นปรกติเพื่อรับโทษอีกครั้งเหมือนในขุมก่อน ๆ สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาสองแสนเก้าหมื่นล้าน (290,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือสองพันปีนรก

4. โรรุวนรก ("นรกแห่งเสียงหวีดร้อง") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ ใจกลางขุมมีเหล่าดอกบัวกลีบเป็นเหล็กมีไฟลุกโชน สัตว์นรกจะถูกกรรมดลใจให้ดำผุดลงไปในดอกบัวเหล่านั้น กลีบบัวก็จะงับอวัยวะต่าง ๆ เช่น ศีรษะ แขน และขา เป็นต้น เมื่องับไว้แล้วก็ไม่ปล่อย ไฟจากบัวก็จะเผาผลาญสัตว์นั้น สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาเก้าแสนสามหมื่นหกพันล้าน (936,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือสี่พันปีนรก

5. มหาโรรุวนรก ("นรกแห่งเสียงหวีดร้องอย่างหนัก") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ เหล่าบัวมิได้มีแต่ในกลางขุม แต่ขึ้นอยู่ทั่วไป และกลีบบัวนั้นเป็นกรด ช่องว่างที่บัวมิได้งอกจะมีอาวุธลุกเป็นไฟ เช่น แหลน หลาว หอก เป็นต้น งอกขึ้นมาแทน บัวจะไม่งับสัตว์นรกไว้แน่นนักเพื่อให้ดิ้นพร่านไปถูกอาวุธที่งอกขึ้น เมื่อดิ้นไปมาจนตกลงสู่พื้นแล้วจะมีสุนัขร้ายเข้ามากัดทึ้งจนเหลือแต่กระดูก และกลับมาสมบูรณ์เพื่อรับโทษใหม่อีกจนกว่าจะหมดโทษเหมือนในนรกที่แล้ว ๆ มา สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาเจ็ดหมื่นสามพันล้านเจ็ดแสนสองหมื่นแปดพันล้านล้าน (73,000,728,000,000,000) ปีมนุษย์ หรือแปดพันปีนรกจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

6. ตาปนรก ("นรกแห่งความร้อน") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกนี้มีไฟลุกท่วม ในไฟมีอาวุธ เช่น หอก แหลน หลาว เป็นต้น คอยพุ่งเข้าทิ่มแทงสัตว์นรกขึ้นตั้งไว้ย่างไฟ เมื่อเนื้อหนังมังสาของสัตว์นั้นกรอบหลุดร่วงลงมาจะยังให้สัตว์นั้นร่วงลงมาด้วย ครั้นร่วงแล้วจะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้างวิ่งเข้ามากัดทึ้งจนเหลือแต่กระดูก สัตว์ใดหนีสุนัขได้จะถูกนายนิรยาลจับทิ่มหอกแล้วตั้งขึ้นย่างอีกครั้ง และเช่นเดิม เมื่อตายแล้วจะลับมาสมบูรณ์เพื่อรับโทษใหม่อีกจนกว่าจะหมดโทษ สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลา สองพันเก้าร้อยสี่สิบเจ็ดล้านสามแสนเก้าหมื่นสองพันล้านล้านปีมนุษย์ (2,947,392,000,000,000) หรือหนึ่งหมื่นหกพันปีนรก

7. มหาตาปนรก ("นรกแห่งความร้อนอย่างหนัก") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ ไฟนรกนั้นจะพุ่งซัดเข้ามาจากกำแพงนรกรอบด้าน และใจกลางนรกก็จะมีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟ เมื่อสัตว์นรกหนีไฟที่พุ่งมาโดยปีนขึ้นไปบนเขาก็จะถูกย่างสด และเมื่อร่วงลงมาก็จะถูกอาวุธร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นเสียบตัวตั้งไว้ย่างไฟอีกเหมือนนรกขุมที่แล้ว สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาครึ่งกัลป์หรือคือเวลาอันประมาณมิได้

8. อเวจีมหานรก ("นรกอันมิขาดสาย") : มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกขุมนี้มีกำแพงหกด้านอยู่ขุมเดียว โดยสัตว์นรกจะเคลื่อนไหวร่างกายมิได้เลยเพราะถูกอาวุธร้อนตรึงไว้กับพื้นหมดในท่ายืนกางแขนและขา โดยมีไฟลุกท่วมย่างสัตว์นั้น นอกจากนี่ยังมีเตาเผาใหญ่ นายนิรยบาลจะจับสัตว์โยนลงไปย่างในเตานั้นด้วย สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาหนึ่งกัลป์หรือคือเวลาอันประมาณมิได้



โลกันตนรก เป็นนรกขุมพิเศษมีโทษหนักกว่าอเวจีมหานรก

โลกันตนรก เป็นนรกขุมพิเศษ ซึ่งไม่นับเนื่องกับนรกขุมใหญ่ ๘ ขุมหรือนรกบริวารหรือยมโลกียนรก นรกขุมนี้แปลกประหลาดกว่านรกขุมอื่นๆ เพราะว่านรกขุมอื่นๆ มีการลงโทษด้วยความร้อน แต่ทว่านรกขุมนี้มีการลงโทษด้วยความเย็น และสถานที่ตั้งก็ไม่ได้อยู่เรียงรายกับบรรดานรกทั้งหลาย สถานที่ตั้งของนรกขุมนี้อยู่ในระหว่างโลกทั้งสาม เปรียบเหมือนกับเอาดอกบัว ๓ ดอกมาตั้งติดกันเข้า ก็จะเกิดมีช่องว่างระหว่างกลาง ที่ตรงช่องว่างนั้นแหละเป็นสถานที่ตั้งของ โลกันตนรก แปลว่า นรกอันอยู่ที่สุดของโลก ๓ โลกคือ เทวโลก มนุษยโลก นรกหรือยมโลกียนรกหรือยมโลก

ถ้าท่านทั้งหลายที่ได้มโนมยิทธิเวลาที่จะไปดูโลกันตนรก ตั้งจุดไว้ว่าจากโลกมนุษย์เราจะมุ่งหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก มีทางใหญ่ขาวโพลนแลดูสะอาดจะว่าเหมือนสีขาวทาก็ไม่ใช่ ใสกว่าดีกว่าถนนชั้นหนึ่งในเมืองมนุษย์ เดินไปตามทางทิศตะวันออกจะไปพบทาง ๔ แพร่ง จะพบท่าน "เทวดาอิน" ยืนยามอยู่แต่ไม่ใช่ท่านปู่พระอินทร์ สมัยท่านเป็นมนุษย์ท่านเป็นพระชื่อว่า "หลวงตาอิน" คือจากที่เราเดินไปสายหนึ่ง แล้วมีทางขึ้นทางซ้ายเป็นทางเดินค่อยๆ ลาดเป็นเนินขึ้นไปน้อยๆ เป็นทางขาวใหญ่นั่นเป็นแดนสวรรค์ อีกสายทางขวาจะเป็นทางชันเป็นแดนพรหม จากนั้นมองไปข้างหน้าเป็นทางขาวใหญ่ค่อยๆ ลาดลงตํ่าถึงที่สุดของทางนั้นเป็นแดนของนรก ถ้าถึงที่สุดทางนั้นจะเลี้ยวซ้ายนิดหนึ่งเรียกว่าตะวันออกเฉียงเหนือก็ได้ เป็นช่องว่างเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ เทวโลกและยมโลก ณ จุดนี้จะเห็นเป็นภูเขาใหญ่ ภายในเป็นถํ้าที่ใหญ่โตมโหฬารมากเรียกว่า "โลกันตนรก" ภายในถํ้ามีแต่ความมืดหาแสงสว่างไม่ได้เลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ จากดวงจันทร์และดาว มองอะไรไม่เห็นทั้งหมด แต่แสงที่จะปรากฏในโลกนี้ได้ก็คือแสงของพระพุทธเจ้า ขณะใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณวันไหน วันนั้นจะปรากฏแสงของพระองค์ลอดเข้าไปสู่ในโลกนี้แว้บหนึ่งเหมือนกับสายฟ้าแลบเท่านั้น

บรรดาสัตว์นรกทั้งหลายมีร่างกายใหญ่โต มีเล็บมือเล็บเท้ายาว ใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะเชิงเขาคือข้างถํ้าไต่ไปไต่มา มองไม่เห็นกัน ในถํ้ามีความเย็นสูงมากไม่สามารถจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบกับความเย็นในโลกมนุษย์นี้ได้ เครื่องทำความเย็นทั้งหลายที่ว่าเย็นหรือตู้เย็น ถ้าจะเอาแสนมาคูณก็ยังมีความเย็นไม่เท่ากับความเย็นในโลกันตนรก มองลงไปส่วนลึกในถํ้าจะเห็นนํ้าใสเต็มไปด้วยความเย็นมาก แต่ความเย็นของนํ้าเป็นอันตรายกับร่างกาย เพราะนํ้าเย็นนี้เป็นนํ้ากรดที่มีความคมจัดสามารถจะละลายสัตว์นรกทั้งหลายที่ตกลงไปในนํ้านั้นให้ละลายหายไปในพริบตาเดียว บรรดาสัตว์นรกจะมีทั้งความเจ็บความแสบและความเย็นเข้ามาทับถม จะเกิดทุกขเวทนาอย่างสาหัสและมีความหิวเพราะไม่มีอะไรจะบริโภค ต่างคนต่างไต่ไปตามข้างๆ ขอบของถํ้าใหญ่ บรรดาแง่หินที่มีความคมก็เชือดเฉือนร่างกายของสัตว์นรกที่ผ่านไปเป็นแผลเหวอะหวะทั้งตัว เลือดไหลโทรมอยู่ตลอดเวลา และสัตว์นรกทั้งหลายเหล่านั้นถูกความเย็นเผาผลาญเกือบจะไม่มีแรงเคลื่อนตัวไปไหนอยู่แล้วแต่ก็ต้องไปเพื่อหนีให้พ้นจากความคมของแง่หิน แต่จะไปทางไหนก็ตาม ไปเกาะหินอันไหนก็ตามมันก็คมบาดตลอดเวลา ต่างก็ร้องครวญครางหาการเงียบเสียงไม่ได้ และการไต่ไปนั้นก็มองไม่เห็นแม้แต่มือและเท้าของตน

เมื่อสัตว์นรกกระเสือกกระสนไปกระทบกันเข้า ร่างกายมันมีความนุ่มนิ่มกว่าหิน สัตว์นรกมีความหิวอยู่แล้วก็เข้าใจว่าเป็นอาหาร ต่างคนต่างก็เอาเล็บจิกเนื้อซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างปลํ้ากันแต่ไม่ทันจะได้กินสักที ก็หล่นลงไปในนํ้า จะเห็นกระแสนํ้ามีควันพุ่งขึ้นมาปรากฏว่าเป็นนํ้ากรดค่อยๆ ละลายเนื้อและหนังของสัตว์นรกไปทีละน้อยๆ แต่ว่าเร็วมาก ชั่วเวลา ๒-๓ นาทีจะเห็นว่าร่างกายของสัตว์นรกไม่มีเนื้อไม่มีหนังเหลือแต่กระดูก กระดูกก็ดิ้นไปดิ้นมามีการแสบหนักขึ้นแต่ก็ไม่ตาย เมื่อถูกทรมานพอสมควรร่างกายก็มีเนื้อเต็มขึ้นมาใหม่ บรรดาสัตว์นรกก็ว่ายกระเสือกกระสนเข้าหาฝั่ง บางตัวก็ว่ายไปกลางถํ้ากว่าจะไปหาผนังถํ้าได้ก็แสนจะลำบาก ตอนนั้นถ้าพบกันเข้าก็จิกเนื้อกันกินในนํ้าอีก ปลํ้ากันไปปลํ้ากันมาต่างคนต่างจะจิกกินซึ่งกันและกัน ตอนนี้นํ้ากรดก็แผลงฤทธิ์ใหม่ค่อยๆ ละลายเนื้อและหนังของสัตว์นรกทั้งหลายเหล่านั้นที่กำลังจะกินกันออกไปทีละน้อยๆ จนกระทั่งหมดตัวเหลือแต่กระดูกล่อนจ้อน กระดูกก็ดิ้นเร่าๆ มันดิ้นสุดฤทธิ์สักครู่หนึ่งก็ปรากฏว่ามีเนื้อหนังขึ้นมา ค่อยๆ เกิดเป็นร่างกายขึ้นมาใหม่ คราวนี้ก็ว่ายไปเกาะฝั่งได้ก็ไต่ขึ้นไปข้างเขา ก็ถูกความคมของหินเหล่านั้นบาดเอาเลือดไหลโทรม วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ไม่มีการหยุดพัก ต้องถูกทรมานไปจนกว่าจะถึงที่สุดของกรรม เพราะโลกันตนรกไม่มีอายุ แล้วก็จะไปเสวยทุกขเวทนาต่อไปในอเวจีมหานรกและไล่ขึ้นมาแต่ละขุม แสดงว่าโลกันตนรกมีโทษหนักกว่าอเวจีมหานรก ถือว่าเป็นนรกขึ้นต้น

โลกันตนรกเป็นที่อยู่ของคนอกตัญญูไม่รู้คุณคน ประกอบกรรมที่ร้ายกาจหยาบช้ามากได้แก่การประทุษร้ายบิดามารดาหรือการทรมานบิดามารดาโดยปราศจากความกตัญญูรู้คุณ และคนที่ไม่รู้คุณงามความดีของครูบาอาจารย์ สามารถจะทำลายครูบาอาจารย์ได้ทุกอย่างหรือทำลายบิดามารดาได้ทุกอย่าง นินทาว่าร้าย อิจฉาริษยาท่าน เป็นคนจอมอกตัญญูไม่รู้คุณคน.."


อ้างอิง .จากหนังสือ ตายแล้วไปใหน ตอนที่ ๔๗

คำแพง โพสต์เมื่อ 24-11-2011 16:00

บุญที่ทำกรรมที่สร้างคือเส้นทางลิขิตชีวิตตน....
ใครจะใหญ่เกินกรรม....
สาธุ...ขอให้..ปังคุง...บรรลุเร็วๆ แล้วอย่าลืมมาโปรดสมาชิกด้วยนะ...555

pungkung โพสต์เมื่อ 24-11-2011 16:10

บุญที่ทำกรรมที่สร้างคือเส้นทางลิขิตชีวิตตน....
ใค ...
ต้นฉบับโพสโดย คำแพง เมื่อ 24-11-2011 16:00 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


   อ่อมิบังอาจครับ กว่าจะไปถึงไม่รู้อีกกี่ชาติ555{:7_132:}

poseidon โพสต์เมื่อ 24-11-2011 16:37

http://image.ohozaa.com/i/50c/EsrzS.GIF

pungkung โพสต์เมื่อ 24-11-2011 16:43


ต้นฉบับโพสโดย poseidon เมื่อ 24-11-2011 16:37 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


   {:8_179:}{:8_179:}

ake07 โพสต์เมื่อ 24-11-2011 18:29

ขอ copy นะครับ :)

Ilovethailand โพสต์เมื่อ 24-11-2011 19:15

ได้รับความรู้เพิ่มมากเลยครับ:D

TeeLeK โพสต์เมื่อ 25-11-2011 06:42

{:8_169:} ปังคุงสุดยอดมาก ๆ ครับ
นับถือ ๆ ผมให้เป็นไอดอลของผมเรย " เรื่องบุญกรรม " และสักยันต์ ด้วย อิอิ {:8_164:}

Naiin โพสต์เมื่อ 25-11-2011 08:13

อนุโมทนา สาธุ อามิน และอาเมน {:8_179:}

pungkung โพสต์เมื่อ 25-11-2011 13:05

อนุโมทนา สาธุ อามิน และอาเมน
ต้นฉบับโพสโดย Naiin เมื่อ 25-11-2011 08:13 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


   อิอิ{:8_179:}

spakafae14 โพสต์เมื่อ 25-11-2011 17:12

กรรมลิขิต

pungkung โพสต์เมื่อ 25-11-2011 22:59

กรรมลิขิต
ต้นฉบับโพสโดย spakafae14 เมื่อ 25-11-2011 17:12 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


   ไปใหม อิอิ:D

spakafae14 โพสต์เมื่อ 26-11-2011 10:07

จะไปก็รีบไป ไปนรกไม่สบายย เดี๋ยวจะไปเจอยมบาล อิอิ

pungkung โพสต์เมื่อ 26-11-2011 12:48

จะไปก็รีบไป ไปนรกไม่สบายย เดี๋ยวจะไปเจอยมบาล อิอิ ...
ต้นฉบับโพสโดย spakafae14 เมื่อ 26-11-2011 10:07 http://khalong.com/board2/images/common/back.gif


   เคยไปมาแล้ว 555+ {:8_180:}

spakafae14 โพสต์เมื่อ 26-11-2011 12:58

เคยไปฟ้องยมบาลมาแล้วบอกว่า ให้มาจับคนโกงชาติบ้านเมืองที ไม่ไหวแล้วกินยันป้าย 555+ ท่านบอกว่ารอเวลาอยู่ในบัญชีหนังหมามีเยอะ ต้องเก็บคนบาปเป็นคิวๆไป อิอิ
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: อบายภูมิ มหานรก ยมโลก