aazaza12 โพสต์เมื่อ 11-10-2011 18:16

วิชาธรรมเก้าโกฐิ

สวัสดีครับผม เคครับรบกวนท่านผู้รู้เรื่องวิชาธรรมเก้าโกฐิหน่อยครับ
การครองธรรม บทแรก คายครู ว่าอย่างไรครับรบกวนด้วยนะครับผม

crazyaofza โพสต์เมื่อ 11-10-2011 20:23

มาเก็บข้อมูลด้วยคนไม่เคยได้ยิน แฮะๆๆ

sclassic โพสต์เมื่อ 11-10-2011 21:17

เอ๊ะๆ !!
หาตำราก่อน ..... แล้วจะมาบอกนะครับ{:3_52:}

dark โพสต์เมื่อ 11-10-2011 23:45

แก้ไขล่าสุด dark เมื่อ 11-10-2011 23:47

ข้อมูลตรงส่วนนี้ขอคัดลอกมาจากข้อความของคุณธรรมปุ้ย แห่งบ้านจอมเวทย์ ซึ่งผมเป็นผู้ที่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับวิชาธรรมเก้าโกฏินี้ไว้เองนะครับ...{:8_179:}

วิชาธรรมเก้าโกฏิ ตามที่พระอาจารย์ท่านบอกตอนในห้วงแรก เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนธรรมนั้นว่า เป็นธรรมที่ใช้ในการป้องกันและปราบภูตผีปีศาจ และสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย มีการเรียนเป็นห้อง ๆ โดยมีทั้งหมดจำนวน ๙ ห้อง ซึ่งศิษย์จะต้องเรียนไปทีละขั้น ซึ่งแต่ละคนนั้นจะมีห้วงเวลาสั้น-ยาว ของการเรียนแต่ละห้องไม่เท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ได้สั่งสมและความตั้งใจในการศึกษา นั่นหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนจะเรียนได้สำเร็จ และการสำเร็จนั้นก็ไม่อาจจะกำหนดได้ว่าเมื่อใด อาจจะปีสองปีหรือมากกว่านั้นครับ สำหรับห้องที่ครูบาอาจารย์จะสิทธ์ (ถ่ายทอด) ให้นั้น จะมีอยู่ ๘ ห้อง ซึ่งห้องที่ ๙ จะต้องไปค้นหาเอาเอง ซึ่งหากเรียนมาอย่างถูกต้องแล้ว ห้องสุดท้ายนี้ จะมาเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งแต่ละคนจะได้มาไม่เหมือนกันครับ...{:7_144:}

ส่วนห้องที่ ๙ ที่ผมได้มานั้น เป็นการได้มาแบบที่ไม่ใช่สำเร็จด้วยตน หากแต่ครูอาจารย์ท่านเมตตามอบให้ เพื่อใช้ในการทำตะกรุดยอดธรรมเก้าโกฏิ เพื่อสงเคราะห์คน ซึ่งมีเพียง ๗ คำเท่านั้นเอง ซึ่งถือเป็นยอดธรรมห้องที่ ๙ ที่พอจะเปิดเผยได้ก็คือ " ขึ้นด้วย ตะ ... ลงด้วยตะ " ครับ.

dark โพสต์เมื่อ 11-10-2011 23:50

...แต่ละห้องก็เหมือนการเรียนคาถาหนึ่งบท ซึ่งมีฝอยการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากผู้เรียนสามารถสำเร็จในแต่ละห้องได้ ก็สามารถนำออกมาใช้งานได้อย่างวิเศษนัก ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านได้ว่างกุศโลบาย ให้ค่อยหัดเรียนเขียนอ่านไปจากง่ายไปสู่ยาก รวมถึงต้องคอยระมัดระวัง และดูแลศิษย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ดวงธรรมและจิตของผู้เรียนเท่าทันกัน มิเช่นนั้นอาจจะวิปลาสได้...

แต่...ครูบาอาจารย์ก็จะให้คาถาธาตุเพื่อมาปรับธาตุ คาถาดวงธรรม รวมถึงคาถาภาวนาดวงธรรม เพื่อนำมาใช้สำหรับปั่นธรรม(บริกรรมคาถาธรรม) ซึ่งเราจะต้องหมั่นกระทำอยู่เป็นนิจด้วย...

ส่วนคาถาของแต่ละห้องนั้น มักจะแตกต่างกันตามครูผู้สอนครับ ดังคำโบราณอีสานที่ท่านกล่าวเอาไว้ว่า " หนังสือก้อมต่างคนต่างมี ก้อขี้ซีก้อนน้อย ก้อนใหญ่ ก้อนขี้ไก่ ก้อนแข่น ก้อนเหลว " อธิบายความนัยที่แฝงได้ว่า วิชาความรู้ต่าง ๆ รวมถึงคาถาอาจจะมีแตกต่างกันบ้าง แม้เป็นวิชาหรือคาถาเดียวกัน เป็นสิ่งปกติ ดังเช่นหนังสือตำราวิชา ซึ่งต่างคนต่างมี แม้กระทั่งก้อนขี้ซีและขี้ไก่ที่เป็นของธรรมชาติยังต่างกันครับ.

dark โพสต์เมื่อ 11-10-2011 23:59

แก้ไขล่าสุด dark เมื่อ 12-10-2011 00:10

ข้อมูลอ้างอิงตรงนี้มาจากอาจารย์ฤาษี เชียงใหม่ท่านหนึ่งนะครับ จึงขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย...{:8_179:}

วิชาธรรมเก้าโกฏินี้เป็นกรรมฐานโบราณวิชาธรรมเก้าโกฏิ แกร่งกร้าว กล้าแข็ง เป็นวิชาข่ม หรือวิชาปราบ แม้ธรรมห้องที่เยือกเย็นที่สุดของวิชาธรรมเก้าโกฏิ ที่ชื่อ “ มณีฟ้าหยาด ” ข้อห้ามของพระธรรมเก้าโกฏิมีอยู่ว่า ผู้จบธรรมห้องปาฏิหาริย์ จะไม่สืบทอดวิชาธรรมนี้แก่บุตร ผู้รับช่วงต่อคือหลานชายเท่านั้น และจะไม่สามารถใช้วิชานี้ช่วยเหลือคนในครอบครัวเดียวกันได้...{:3_41:}

วิชาธรรมเก้าโกฏินั้นใช้เพื่อถอดถอนคุณไสย กันกระทำย่ำยีต่าง ๆ ผู้เรียนบางคนอาจมีญาณหยั่งรู้ได้ เกิดหูทิพย์ ตาทิพย์ จิตทิพย์ตามแต่บุญบารมีที่สั่งสมมาดั้งเดิมของแต่ละบุคคล โดยวิชานี้จะแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ตามแต่สายผู้สืบทอดว่าองค์ครูผู้ถ่ายทอดจะได้รับการถ่ายทอดมาทั้งหมดกี่ห้อง เพราะวิชานี้จะถ่ายทอดโดยลดห้องลงหนึ่งห้อง เมื่อการถ่ายทอดจะหมดลง ก็จะถือว่าวิชานี้จะสาปสูญไปจากโลกนี้เช่นกัน...{:3_50:}

การเรียนวิชาธรรมเก้าโกฏิจะเริ่มต้นด้วย การบริกรรมคาถา ครูธรรมจะให้บทสวดมาหนึ่งบท ผู้ฝึกจะต้องท่องไปเรื่อย ๆ คล้าย ๆ จะสะกดตัวเองเพื่อเข้าสู่ภวังแต่เป็นเชิงเรียกวิชาเข้าตัว จนภาษาที่สวดเปลี่ยนเอง บ้างก็สวดเป็นภาษาเทพ บ้างก็ออกแนวเขมร ญวน จีน พม่า แม้แต่สันฤกต ฮินดู บาลี เรียกว่าการ " บันดาลธรรม " ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน อยู่ที่ครูเราด้วยว่าจะยัดให้อย่างไร และครูบำเพ็ญมาแบบไหน ครั้งแรกครูจะสวดยัดพระคาถาเข้าตัวของผู้ฝึก ต่อจากนั้นผู้สวดจะต้องสวดต่อเอง จนเริ่มมีความชำนาญ และมีการพัฒนา ในการขึ้นชั้นระดับ ที่เหล่าหมอธรรมเรียกว่า การขึ้นห้อง หรือการเปลี่ยนห้อง การขึ้นห้องหรือการเปลี่ยนห้องนั้น จะกระทำกันในป่าลึกหรือภูเขา เพื่อเป็นการทดสอบระดับจิตของผู้ฝึกเอง จะต้องอยู่คนเดียวในเวลากลางคืน แต่ก็จะมีครูหรือรุ่นพี่คอยอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเกิดเวลาคับขันจะได้เข้าช่วยเหลือทัน ถามว่าทำไมเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่า แรงของป่าหรือภูเขามักจะมีอาถรรพ์ ถ้าไม่ระวังให้ดีก็อาจจะเป็นบ้าหรือวิ่งตกเขาได้ มีคนถามว่าวิชานี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ก็ตอบได้เลยว่า...สารพัด ทำได้ทุกอย่างถ้าจิตต้องการ เมื่อจิตมีพลังทุกอย่างก็สามารถเป็นไปได้หมด และอยู่ที่ว่าผู้ฝึกจะบรรลุหรือไม่เท่านั้นเอง.

dark โพสต์เมื่อ 12-10-2011 00:04

แก้ไขล่าสุด dark เมื่อ 12-10-2011 00:10

ขึ้นห้อง 1 ธรรมห้องปฐม

ขึ้นห้อง 2 ห้องลิ้นทอง

ขึ้นห้อง 3 ห้องปราบมาร

ขึ้นห้อง 4 ห้องแถนบัลลังค์ทอง

ขึ้นห้อง 5 ห้องพระเจ้า 5 พระองค์

6...
7...
8...
9...

ในการเปลี่ยนห้องธรรมแต่ละปี นอกจากขันคายครูจะเปลี่ยนไปแล้ว ครูบาอาจารย์ที่มาสอนธรรมก็จะเปลี่ยนไปด้วย และเมื่อเรียนถึงห้อง 7 ก็จะสามารถประสิทธิ์ธรรมหรือถ่ายทอดวิชาให้กับผู้อื่นได้...{:7_144:}

โดยการเรียนเก้าโกฏิมีข้อห้ามดังนี้...{:10_197:}

1. ห้ามยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของผู้อื่น.

2. ห้ามถ่ายทอดให้กับลูก.

3. ห้ามใช้วิชาช่วยเหลือคนในครอบครัว.

4. ห้ามถ่ายทอดวิชาหากยังเรียนธรรมไม่ถึงห้อง 7

5. การถ่ายทอดวิชาจะต้องลดจากห้องที่ตัวเองสำเร็จลง 1 ห้อง คือถ้าสำเร็จ 10 ห้อง จะถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้เพียง 9 ห้องเท่านั้น.

dark โพสต์เมื่อ 12-10-2011 00:07

แก้ไขล่าสุด dark เมื่อ 12-10-2011 00:09

- ขออธิบายแต่เพียงคร่าว ๆ เท่านี้นะครับ ที่เหลือคงต้องไปศึกษาค้นคว้าต่อเอาเอง เพราะของแบบนี้ต้องมีครู...อะไรที่นอกเหนือจากข้อมูลตรงนี้ ผมคงไม่สามารถอธิบายต่อได้อีก เพราะไม่ใช่สาย ไม่ใช่วิชา ไม่ใช่ทางของผม...{:8_172:}

KHONSAKYAN โพสต์เมื่อ 12-10-2011 00:14

ลึกมาก น่าสนใจครับ

dark โพสต์เมื่อ 12-10-2011 00:21

แก้ไขล่าสุด dark เมื่อ 12-10-2011 00:23

และในส่วนของกุมารเก้าโกฏิในสายหลวงปู่ชื่น วัดตาอี หรือพระเศรษฐีนวโกฏิ ก็ไม่ใช่วิชาธรรมเก้าโกฏินะครับ...ซึ่งกุมารทองเก้าโกฏิ...ตามที่เขียนและเรียกกันผิดกันมาตลอดนั้น ความจริงแล้วน่าจะเขียนว่า " กุมารเก้าโกศ " ต่างหาก เพราะต้องสร้างมาจากโกศใส่กระดูกเด็กที่ตายด้วยอาการต่าง ๆ ถึง 9 ประเภทตามตำรา แต่คำว่า " โกฏิ " หมายถึงจำนวนนับที่มีค่าถึง 10 ล้านเลยทีเดียว...{:7_144:}

aazaza12 โพสต์เมื่อ 12-10-2011 12:59

ขอบคุณครับ

Knight โพสต์เมื่อ 12-10-2011 20:05

ทราบมาว่าวิชาธรรมถ้าทำผิดครู ถึงขั้นเป็นปอบเลยนะ

Katy โพสต์เมื่อ 20-4-2012 09:22

ธรรมบันดาล ธรรมบรรลุ และธรรมเก้าโกฐิ เป็นธรรมของพระพุธเจ้าไม่เกี่ยวกับการผิดครูแล้วเป็นปอบแต่อย่างใดเลย การที่จะรับธรรมที่กล่าวมานั้นจะต้องรับกับครูบาอาจารย์ ใครอยากจะรับก็ได้ โดยแต่งขันธ์ห้ารับก่อนแล้วครูบาอาจารย์จะพาสวดพุทโธๆไปเรื่อยๆและยัดธรรมจนผู้สวธรรม์สวดติดจะเป็นภาษาแบบไหนก็ตามแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แต่ต้องหมั่นสวดธรรม์บ่อยๆ จนติดแล้วภาษาที่สวดก็จะเปลี่ยนไปตามองค์ไหนหรือตามครูบาอาจารย์ที่มาเทียมเรา ส่วนการรับขันธ์ครองหรือการเปลี่ยนห้องก็ขึ้นอยู่กับครูบาอาจารย์ท่านจะดูว่าคนไหนควรจะขันธ์ครองซึ่งก็แล้วแต่บุคคล ว่าเราสวดได้ธรรมถึงห้องไหนแล้วเราต้องหมั่นสวดบ่อยๆจึงจะเห็นผล ถ้าขี้เกลียดสวดก็ไม่เกิดอะไรและไม่เป็นปอบแต่อย่างใด ถ้าใครที่เกิดมาแล้วมีองค์เทพต้องให้รับขันธ์เป็นร่างทรง ท่านสามารถหลีกเลี้ยงได้โดยการรับขันธ์ธรรมแทนพอท่านสวดธรรม์หรือเรียกอีกอย่างว่าปั่นธรรมบ่อยๆ ธรรมของพระพุทธเจ้าก็จะเข้ามาแทน จะกล่าวถึงครูบาอาจารย์แต่คงไม่ครบหมด ปู่ใหญ่,สำเร็จลุน,ปู่สิงขร,ปู่โพนเสม็ด,ครูบาศรีวิชัย      
ถ้าเราปั่นธรรมบ่อยๆเราสามารถเห็นอดีตและเห็นอนาคตได้ แต่ละคนที่เรียนธรรมจะได้ธรรมไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่นบางคนได้ธรรมแก้ บางคนได้ธรรมส่อง แล้วแต่บุุคลและครูบาอาจารย์จะพาลงควงครูปีละครั้ง เป็นการเชิญครูบาอาจารย์ในโลกทิทย์ลงมา และท่านจะบอกเราว่าเราเคยเกิดเป็นใครชื่ออะไร และเชิญพญาธรรมมาฟ้อนรำซึ่งก็แล้วแต่ว่าองค์ไหนใครสายญาณใดมาเทียมเราไม่ใช่ทรงเจ้าหรือองค์เทพแต่อย่างใดแต่เป็นพญาธรรมมิกราช ประสบการณ์ผู้เขียนเองลงค่วงครูครั้งที่แล้วปู่ใหญ่ลงมาเองโดยท่านจะมาเทียมครูบาอาจารย์ที่พาเราลงค่วง และพาองค์ที่เทียมเรารำถวายปู่ใหญ่ ก่อนที่ท่านจะกลับห้อง 1000 ตามที่ท่านบอก ปู่ก็จะให้โอวาทแก่ลูกหลานก่อนไป ส่วนมากคนเป็นสายส่งนาคจะร้องไห้ไม่อยากให้ท่านไปและปิติที่ได้เจอปู่ เล่าจากประสบการณ์จริงเรื่องนี้เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลซึ่งผู้เขียนก็ได้เสวงหามาหลายที่หลายสายปฏิบัติจนมาเจอสายธรรมซึ่งส่วนตัวคิดว่าเป็นสายที่ถูกจริตกับตัวเองค่ะ ก่อนที่จะมารับธรรม์ก็ได้อธิฐานว่าขอให้เจอครูบาที่แท้จริงแล้ววันหนึ่งก็ได้เจอเองตามสายญาณ บางคนอาจจะไม่เข้าใจในสายธรรม์เพราะเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลค่ะ

TrampeR โพสต์เมื่อ 20-4-2012 12:53

ตอบกลับ 8# dark


    สุดยอดเลยครับพี่ ข้อมูลแยอะดีจัง

คณิศร โพสต์เมื่อ 20-4-2012 14:11

ได้ความรู้เยอะเลยครับ
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: วิชาธรรมเก้าโกฐิ