Thongchai โพสต์เมื่อ 7-3-2010 02:38

ธรรมะจากพระอาจารย์ต่างๆ



ของดีมีอยู่กับตัว
ของดีมีอยู่กับตัวเราทุกคน ก็พากันปฏิบัติเอา ทำเอา

เมื่อเวลาตายแล้วจึงวุ่นวายหานิมนต์พระมากุสลามาติกา ไม่ใช่เกาถูกที่คัน

ต้องรีบแก้เสียบัดนี้ คือ เร่งทำความดีแต่บัดนี้ จะได้หายห่วง อะไร ๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา

ตัวจริงไม่มีใครเหลียวแล สมบัติในโลกเราแสวงหามา หามาทุจริตก็เป็นไฟเผา เผาตัวทำให้ฉิบหายได้จริง ๆ

ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและความโง่เขลาของผู้แสวงหาแต่ละราย

ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตน จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา ท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทอง เครื่องหวงแหน เป็นคนร่ำรวย สวยงามเฉพาะสมัย จึงพากันรัก พากันห่วง จนไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย

สำคัญตนว่าจะไม่ตาย และพากันประมาทจนลืมตัว เพลิดเพลินตักตวงเอาแต่สิ่งไม่เป็นท่าใส่ตนแทบหาบไม่ไหว

อย่าสำคัญว่าตนเก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขา เลย ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตัวเองจนไม่มีวันสร่างซา เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์

ถ้าไม่เตรียมทราบไว้เสียแต่บัดนี้ ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร

อาตมาขออภัยด้วยถ้าพูดหยาบคายไป แต่คำพูดที่สั่งสอนคนให้ละชั่ว ทำความดี จัดเป็นหยาบคายแล้ว โลกเราก็จะถึงคราวหมดสิ้นศาสนา เพราะไม่มีผู้ยอมรับความจริง

การทำบาปหยาบคายมีมาประจำแทบทุกคน ทั้งให้ผลเป็นทุกข์ ตนยังไม่อาจรู้ได้ และตำหนิมันบ้างพอมีทางคิดแก้ไข แต่กลับตำหนิคำสั่งสอนหยาบคาย ก็นับเป็นโลกที่หมดหวัง.
---------------------------------------------------

คนจะก้าวล่วงทุกข์ได้เพราะวิริยะความเพียร
เพียรทำทุกสิ่งทุกอย่าง ความดีความงามทุกสิ่งทุกอย่างควรทำความเพียร ชื่อว่าคนไม่ประมาท

ผู้ที่ข้ามมหานรก พ้นสมมติได้ ก็เพราะไม่เป็นผู้ประมาทในคุณงามความดี ทางบุญทางกุศล

คนประมาทมันมักทำบาปทำกรรมใส่ตน คนประมาทชีวิตจะยาวร้อยปีก็ตาม ก็เหมือนกันกับคนตายแล้ว

คนไม่ประมาทชีวิตเขาจะเป็นอยู่วันเดียว ก็ยังดีกว่าผู้ประมาทเป็นอยู่ร้อยปี นั่นประเสริฐกว่า.
------------------------------------------------

พิจารณาตัวเองคือการปฏิบัติธรรม
อย่ายุ่งกับเรื่องคนอื่น ภาวนามาก ๆ ดูตัวเองมาก ๆ

หลวงพ่อ (พระโพธิญาณเถร) บอกว่า ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น ๙๐% ดูตัวเองแค่ ๑๐% คือดูแต่ความผิดของผู้อื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น

กลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ ๑๐% ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้นคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นเหละ

ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง ๙๐% จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่.
-------------------------------------------------

เกิดเป็นคน เหมือนกับเกิดมาอยู่ในทางสี่แพร่ง
เกิดเป็นคน เหมือนกับเกิดมาอยู่ในทางสี่แพร่ง

จะทำดีและทำชั่ว ไปสวรรค์หรือตกนรก ก็คนเรานี้ทำทั้งนั้น

ไปเป็นมนุษย์และเปรต ก็คนเรานี้ทำเอาทั้งนั้น

มนุษย์คนเรานี้จะดีก็แสนดีที่สุด จะชั่วก็แสนชั่วที่สุด

ฉะนั้น จงเลือกเอาแต่สิ่งที่ดีที่สุด

เพราะยากที่จะได้เกิดมาเป็นคนเช่นนี้.
-------------------------------------------------

ห่วงและหวง
มีโยมคนหนึ่งมาทำบุญที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข แล้วก็ไปกราบหลวงปู่ หลวงปู่ยื่นกระป๋องแป้งให้ แล้วบอกโยมคนนั้นให้เอาไปโรยให้หมาขี้เรื้อนในวัดตัวหนึ่ง

แล้วท่านก็บอกว่า "หมาตัวนี้มันเคยเป็นคนสร้างวัดมาก่อน มันเคยเป็นเจ้าของวัด มันรักวัดมาก ใครมาทำให้วัดสกปรก มันก็จะเห่า"

ขนาดเป็นหมาก็ยังรักวัดอยู่ ห่วงและหวงวัด หญิงคนนั้นก็เลยคิดว่า หลวงปู่คงให้สติว่า "เวลาทำบุญ ก็อย่าห่วงบุญของตนเอง".
มีอะไรก็ปวดอันนั้น
มีหญิงชราคนหนึ่ง เดินทางมาจากจังหวัดในภาคเหนือ และได้มีโอกาสมากราบหลวงปู่

หญิงชราคนนั้นแกก็ไประบายความกลุ้มใจของแกให้หลวงปู่ฟังอย่างยืดยาวว่า "ดิฉันชอบเป็นโรคปวดศีรษะ ปวดมากเลยเจ้าค่ะ"

หลวงปู่ก็นั่งฟังเฉย ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นั่งนิ่งมองดูอยู่เฉย ๆ

หญิงชรานั้นเห็นหลวงปู่ไม่พูดอะไรคงผิดหวัง ก็เลยขอลากลับ

หลวงปู่จึงพูดว่า "ปูไม่มีหัว ปูมันปวดหัวหรือเปล่า?

งูไม่มีขา งูมันปวดขาหรือเปล่าล่ะ?".
--------------------------------------------------

Thongchai โพสต์เมื่อ 7-3-2010 02:59


คนหูเบาคือคนใจเบา
คนหูเบาคือคนใจเบา ทำสมาธิในใจของตนไม่ได้ เบาไปหมด
ใครมาสรรเสริญเยินยอขึ้นมาก็ดีอกดีใจ
เข้าใจว่าดีตามที่เขาสรรเสริญเยินยอ ยกย่องให้
จะไปดีได้อย่างไร ถ้าเราไม่ทำดี
เราไม่ทำบุญให้ทาน ไม่รักษาศีล ไม่ภาวนา
ไม่ละกิเลส ราคะ โทสะ โมหะในใจของเรา ก็เอาดีไม่ได้
---------------------------------------------

ทวนกระแสน้ำ
การปฏิบัตินั้นคือทวนกระแส ทวนกระแสน้ำใจของเราเอง ทวนกระแสกิเลส

อะไรที่เป็นของทวนกระแสแล้วมันลำบาก พายเรือทวนกระแสก็ลำบาก สร้างคุณงามความดีนั้นก็ลำบากเสียหน่อยหนึ่ง

เพราะว่าคนเรามีกิเลส ไม่อยากจะทำ ไม่อยากจะยุ่งยาก ไม่อยากจะอดทน อยากจะปล่อยไปตามอารมณ์เสียเป็นส่วนใหญ่

เหมือนน้ำน่ะแหละ มันก็ไหลไปตามเรื่องของมัน ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามน้ำก็สบาย

แต่ว่านั่นไม่ใช่ลักษณะการปฏิบัติ ลักษณะการปฏิบัติต้องฝืน

ต้องฝืนกิเลส ฝืนใจของตัวเอง ข่มจิตเจ้าของ ทำความอดทนให้มากขึ้น มันจึงเป็นการปฏิบัติทวนกระแสน้ำ.
-----------------------------------------------------------------------------------------

รู้จักพอ
ความคิดอย่างหนึ่งที่สมควรฝึกให้เกิดขึ้นเป็นประจำ คือ ความคิดว่า “พอ” คิดให้รู้จัก “พอ”

ผู้รู้จักพอจะเป็นผู้ที่มีความสบายใจ ส่วนผู้ไม่รู้จักพอจะเป็นผู้เร่าร้อน แสวงหาไม่รู้จักหยุดยั้ง

คนรวยที่ไม่รู้จักพอ ก็เป็นคนจนอยู่ตลอดเวลา คนจนที่รู้จักพอ ก็เป็นคนมั่งมีตลอดเวลา.
------------------------------------------------------------------

sit14 โพสต์เมื่อ 7-3-2010 18:16

สาธุ สาธุ สาธุ

Thongchai โพสต์เมื่อ 11-3-2010 00:05

1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือตัวเราเอง 2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือความอวดดี 3.การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือการหลอกลวง

4.สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือความอิจฉาริษยา

5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือการยอมแพ้ตัวเอง

6.สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเราก็คือการหลอกตัวเอง

7.สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเราก็คือความถดถอยของตัวเอง

8.สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเราก็คือความอุตสาหะ วิริยะ 9.ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเราก็คือความสิ้นหวัง

10.ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเราก็คือสุขภาพที่สมบูรณ์

11.หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเราก็คือหนี้บุญคุณ

12.ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเราก็คือการให้อภัย และความเมตตากรุณา

13.ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเราก็คือ การมองโลกในแง่ร้าย และไร้เหตุผล

14.สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเราก็คือการให้ทาน

Jay โพสต์เมื่อ 10-2-2011 19:33

{:8_179:}    สาธุ

KEAW โพสต์เมื่อ 22-7-2011 14:12

สาธุๆๆ

TenThai โพสต์เมื่อ 11-3-2012 10:08

เป็นมงคลแก่ชีวิต สาธุๆๆๆๆ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ธรรมะจากพระอาจารย์ต่างๆ